‘ก.ล.ต.’ ไฟเขียว ‘ศิรกรฯ’ เสนอขายไอพีโอ 115.35 ล้านหุ้น ระดมทุนเสริมความแกร่ง
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการสายงานวาณิชธนกิจ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ในการนำหุ้น บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อย่อ “SK” เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งของ บมจ.ศิรกร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก(IPO) จำนวน 115.35 ล้านหุ้น พาร์ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 25.08 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ และคาดว่าจะนำเสนอขายหลักทรัพย์ พร้อมเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ในเร็วๆนี้ โดยปัจจุบัน “ SK” มีทุนจดทะเบียนจำนวน 230 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญที่เสนอขายจำนวน 115.35 ล้านหุ้น และมีทุนที่เรียกชำระแล้ว 172.33 ล้านบาท ภายหลังจากการเสนอขายหุ้นIPO บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้ว เพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานของ “SK” หากพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี และไตรมาส 2/2563 จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2560 บริษัทฯ มีรายได้รวม 521.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 35.35 ล้านบาท ในปี 2561บริษัทฯ มีรายได้รวม 637.30 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 28.81 ล้านบาท ปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 677.07 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 50.26 ล้านบาท และไตรมาส 2/2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 274.58 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.29 ล้านบาท นอกจากนี้ ณ สิ้นสุดไตรมาส 2/2563 บริษัทฯยังมีงานรับเหมาก่อสร้าง ที่รอการส่งมอบอีกกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Back log) อีกกว่า 157.22 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้
ด้านนายอาณัติ ปิ่นรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศิรกร จำกัด (มหาชน) หรือ SK กล่าวว่า กลุ่มบริษัทฯมีประสบการณ์ยาวนานกว่า 30 ปี ในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง และให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโยธาโดยบริษัทฯมีความแข็งแกร่ง คือ การมีโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายคอนกรีตอัดแรง 6 แห่ง อาทิ จังหวัดกาฬสินธุ์ จังหวัดชลบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดลำปางจังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดสงขลา ซึ่งถือเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกัน ซึ่งแสดงให้เห็นเห็นถึงศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ
ส่วนธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้านั้น บริษัทฯสามารถเข้าร่วมประมูลงานสายส่งสูงสุดขนาด 115 KV ของ กฟภ.และ กฟผ. ประกอบกับปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ประกอบการค้าร่วม(Consortium) กับบริษัท คินเด้น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศญี่ปุ่น) ในการรับเหมาระบบสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ของ กฟผ. ขณะที่ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโยธา บริษัทฯมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในการรับเหมาก่อสร้าง อาทิ งานก่อสร้างอาคารWorkshop อาคารปฏิบัติการเคมี โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เป็นต้น
“บริษัทฯเป็นผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงต่างๆ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯใช้อัตราการผลิตเฉลี่ยเพียง 55-75% ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบริษัทฯยังมีความสามารถในการขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้ของลูกค้าในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ถึงมาตรฐานของสินค้า โดยได้รับการรองจาก ISO 9001:2015 ซึ่งเป็นเครื่องหมายการันตีระบบบริหารงานคุณภาพ และกระบวนการผลิตของบริษัทฯได้เป็นอย่างดี” นายอาณัติ กล่าว
นายอาณัติ กล่าวว่า วัตถุประสงค์การเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ครั้งนี้ว่า เพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างตามแผนยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาประเทศ โดยบริษัทฯ มีแผนจะเข้าประมูลงานรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโยธาทั้งในส่วนของภาครัฐ และเอกชน เพิ่มขึ้นซึ่งหลังจากโครงการ Consortium งานสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ปัจจุบันเสร็จสิ้น บริษัทฯจะสามารถรับงานโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าขนาด 230 KV ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ด้วยตนเองนอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะลงทุนเครื่องจักร อุปกรณ์ และรถขนส่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรองรับโอกาสในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และเพื่อเพิ่มศักยภาพของธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต การขนส่งสินค้าให้กับลูกค้า พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังมองหาโอกาสในการขยายช่องทางการลงทุน เพื่อเพิ่มศักยภาพและต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจในอนาคต
“บริษัทฯมีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้ผลิตและเป็นผู้จัดจำหน่ายชั้นนำในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง และในส่วนงานรับเหมาก่อสร้าง พร้อมทั้งเพิ่มสัดส่วนการตลาดในอุตสาหกรรมงานรับเหมาสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการไฟฟ้านครหลวง เพิ่มขึ้นในอนาคต ภายหลังการเสนอขายไอพีโอครั้งนี้” นายศิรกร กล่าว