โควิด-19 ดันความนิยมกาแฟ ‘พิเศษ’ เพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพการเกษตร เชื่อมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

โควิด-19 ดันความนิยมกาแฟ ‘พิเศษ’ เพิ่มขึ้น พร้อมยกระดับคุณภาพการเกษตร เชื่อมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์

นายศุภชัย ศรีวิตตาภรณ์ อุปนายกสมาคมกาแฟพิเศษไทย เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้รัฐบาลออกนโยบายเน้นให้ประชาชนอยู่บ้าน หรือทำงานที่บ้านมากขึ้น เพื่อลดการเดินทาง ผู้ที่นิยมบริโภคกาแฟ จึงหันมาให้ความสนใจกาแฟพิเศษ ที่เมล็ดกาแฟไทยจะมีคุณภาพ มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว จึงถือเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตให้ธุรกิจกาแฟไทยก้าวหน้ามากขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลียนไป มีแนวโน้มนิยมกาแฟพิเศษ ที่มีคุณภาพ มีเรื่องเล่าเฉพาะตัวมากขึ้น จากเดิมที่บริโภคกาแฟแบบทั่วไปเป็นหลัก โดยในช่วงหลังๆ มีการเจาะตลาดในกลุ่มกาแฟพิเศษเพิ่มขึ้นด้วย โดยภาพรวมธุรกิจกาแฟ ในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา ยอดขายหายไปกว่า 70% หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบันก็ทยอยไต่ระดับดีขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันกลับมาเป็นปกติแล้ว 85% ส่วนอีก 15% ที่หายไปและยังไม่กลับมา เพราะกลุ่มผู้บริโภคเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก

“วิกฤตโควิด-19 ที่กำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ประเทศไทยได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจ แต่วิกฤตครั้งนี้ได้สร้างโอกาสให้เกษตรกรผู้ปลูกกาแฟ โดยเฉพาะทางภาคเหนือที่มีแหล่งปลูกกาแฟมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีรายได้จากยอดขายเมล็ดกาแฟที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับยอดการส่งออกตลาดกาแฟของประเทศไทยที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากไทยมีศักยภาพด้านการผลิต เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่มีการผลิตลดลง ซึ่งถือเป็นโอกาสของเกษตรกรชาวสวนกาแฟ ที่จะได้เชิดชูกาแฟไทย ให้ได้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากขึ้น” นายศุภชัย กล่าว

นายต่อพงศ์ ตันตราภรณ์ กรรมการฝ่ายกิจกรรม สมาคมกาแฟพิเศษไทย กล่าวว่า กาแฟถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่ตลาดมีความต้องการอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี รวมถึงร้านกาแฟก็เป็นโมเดลธุรกิจที่เพิ่มมูลค่าให้กับชุมชนชาวบ้านในถิ่นที่ปลูกกาแฟ ทั้งการพัฒนาสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่มีแหล่งปลูกกาแฟมากที่สุดของประเทศไทย มีไร่กาแฟของชาวบ้านในหลายพื้นที่ พัฒนาเป็นโฮมสเตย์ ต่อยอดกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่สร้างมูลค่าและรายได้ให้กับชุมชน โดยในการประกวดสุดยอดเมล็ดกาแฟมีผู้ปลูกกาแฟเข้าร่วมกว่า 200 ราย ยังไม่นับผู้ที่ปลูกแต่ไม่ได้เข้าร่วมประกวด สะท้อนให้เห็นว่า ประเทศไทยมีการปลูกกาแฟในปริมาณสูง โดยในแต่ละปีมีการซื้อขายเมล็ดกาแฟอยู่ที่ 40,000 ตันต่อปี คิดเป็นปลูกในประเทศ 1.6 หมื่นตันต่อปี เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 170-350 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ

“ความต้องการบริโภคกาแฟมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี แต่ประเทศไทยยังปลูกกาแฟได้ผลผลิตน้อย ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ทั้งหมด จึงต้องนำเข้าเมล็ดกาแฟจากต่างประเทศ แต่ยังติดเรื่องกำแพงภาษี และการจำกัดปริมาณในการนำเข้ากาแฟ จึงมองว่าหากรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจกาแฟมากขึ้น ก็จะสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และการเติบโตของธุรกิจได้ โดยยอดขายกาแฟที่หายไปในช่วงที่ผ่านมา หากประเมินจากบริษัทของตนเอง คิดเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท จากภาพรวมอยู่ที่ 70-80 ล้านบาทต่อปี” นายต่อพงศ์ กล่าว

Advertisement

ทั้งนี้ ทางสมาคมกาแฟพิเศษไทย ได้ร่วมส่งเสริมให้ความรู้แก่เกษตรกร และสนับสนุนในทุกๆ กระบวนการการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำสู่ปลายน้ำ จึงจัดงานมหกรรมกาแฟสุดยิ่งใหญ่ “Thailand Coffee Fest 2020” ในวันที่ 1-4 ตุลาคม 2563 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 6-7 เมืองทองธานี รวบรวมสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับกาแฟกว่า 200 ราย เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมตลาดกาแฟสู่ผู้บริโภคโดยตรง ซึ่งภายในงานมีมาตรการคัดกรองตามมาตราการสุขอนามัยอย่างเต็มที่ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/ThailandCoffeeFest

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image