นักลงทุนแนะ วิธีปั้นพอร์ตอย่างไรให้เติบโตอย่างยั่งยืนสู้พิษโควิด-19

นักลงทุนแนะวิธีปั้นพอร์ตอย่างไรให้เติบโตอย่างยั่งยืนสู้พิษโควิด-19

นายชนนพล ชนุหะชา นักลงทุนในตลาดทุนและผู้ร่วมก่อตั้งสถาบันสอนการลงทุนบริษัท ซุปเปอร์ เทรดเดอร์ รีพับบลิค จำกัด เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะมีปัจจัยลบมากกว่าปัจจัยบวกและส่งผลกระทบเชิงลบต่อการลงทุนทั้งภาคตลาดทุน ตลาดเงิน ทองคำรวมถึงตลาดน้ำมันโลกที่มีความผันผวนแรง แต่ตนมองว่าภายใต้ วิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ซึ่งนักลงทุนเองก็ต้องมีความระมัดระวังก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนในหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เบื้องต้นต้องดูมูลค่าที่แท้จริงแล้วเปรียบเทียบหรือวัดจากผลประกอบการระยะยาวเทียบกับราคาหุ้น

“ดอกเบี้ยต่ำสุดในประวัติศาสตร์ ทำให้เราแทบไม่สามารถต่อยอดจากเงินก้อนที่มีอยู่นี้ได้เลย” นายชนนพล กล่าวและว่าเมื่อออมเงินไว้ในธนาคารอย่างเดียวไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า การหาข้อมูลและเพิ่มช่องทางการลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นอีกโอกาสหนึ่ง และราคาหุ้นของหลายบริษัทก็ไม่ได้อยู่ในระดับสูงมากนักในปัจจุบันซึ่งมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ (คำว่าดีในที่นี้คือ สามารถชนะเงินเฟ้อได้) และนี่คือ 6 เหตุผล ที่ทำไมเราควรหันมาเริ่มสนใจการลงทุน

นายชนนพลกล่าวว่า 1.ในระยะยาวผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น เอาชนะเงินเฟ้อได้ : เงินของเราเล็กลงทุนวัน จากอัตราเงินเฟ้อที่ประมาณ 3-5% ต่อปี กล่าวคือ เงิน 100 บาทของปีนี้จะมีค่าเพียง 95 – 97 บาทในปีหน้า ซึ่งดอกเบี้ยธนาคารในปัจจุบันนั้นได้เพียง 1-2% ต่อปี ต่อให้ฝากเงินในธนาคาร เงินก็ลดลงอยู่ดี การลงทุนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ที่ทำให้เงินของคุณไม่ลดลง 2.เป็นการฝึกวินัยในการออม : หาเก่งไม่สู้เก็บเก่ง การมีวินัยในการออมเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า คนๆนึงจะรวยหรือว่าจน ได้เลยทีเดียว ดังนั้นการลงทุนก็เหมือนกับการที่เราได้ออมเงินแต่มีผลตอบแทนที่ดีกว่าฝากธนาคาร 3. มีความเป็นเจ้าของกิจการ : การที่เราซื้อหุ้นเท่ากับว่าเราได้เป็นผู้ถือหุ้น หรือ เจ้าของร่วมของกิจการนั้นๆ และมีสิทธิ์ในการออกเสียงในบริษัทตามสัดส่วนที่เราถือหุ้น 4.ไม่เสียภาษี : ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ต้องเสียภาษี capital gain ให้รัฐบาล โดยเสียแค่คอมมิชชั่นให้กับโบรคเกอร์เท่านั้น ถือได้ว่าได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากกว่าซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา หรือในทวีปยุโรป 5. หุ้นเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง : เราสามารถนำเงินออมเข้าไปลงทุนได้เลยทันที และเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินเราก็สามารถขายและนำเงินออกมาใช้ได้ทันทีในยามจำเป็น 6. พลังของดอกเบี้ยทบต้น : พลังของดอกเบี้ยทบต้น หรือที่เรียกกันว่า compound interest ถูกยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันนึงของโลก การเติบโตของการลงทุนิเป็นเเบบนี้เหมือนกัน ไม่ต้องเเปลกใจเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานพอ เงินของเราจะโตเป็นหลายเท่า เพื่อให้มองเห็นภาพชัดๆ จะบอกอย่างนี้ สมมุติว่าผลตอบเเทนต่อปี 12%(ซึ่งธรรมดามากในตลาดหุ้น) ในเวลา 20 ปี เงินของเราจะโตขึ้น 1 ตำแหน่ง เช่น ลงทุน 100,000 บาท 20 ปีจะเป็น 1,000,000 บาท และ ลงทุน 1,000,000 บาท 20ปี จะเป็น 10,000,000 บาท

“ผมเริ่มลงทุนตั้งแต่ตอนเรียนปริญญาตรีช่วงปีที่ 3 เริ่มลงทุนก็ประสบปัญหาขาดทุนทันทีเพราะไม่ได้ศึกษาหาความรู้ก่อนและใช้หูเล่นเป็นหลัก จนพอร์ตลดลงไปถึง60% กระทั่งได้เรียนรู้วิชาการเทรดทั้ง Fundamental และ Technical จาก พี่ซัน กระทรวง จารุศิระ ก่อนนำไปปรับปรุงให้เหมาะสมกับตนเองและใช้เวลา 2 ปีสร้างพอร์ตไป 10 ล้านบาท และมูลค่าพอร์ตสูงสุดที่ทำได้คือ 43 ล้านบาท ตั้งแต่เรียนจบวิศวะฯจุฬาเมื่อปี 2557 ถึงวันนี้ก็ 6 ปีที่เป็น Full Time Trader” นายชนนพล กล่าว พร้อมกับให้เหตุผลว่า เพราะอะไรถึงไม่ทำงานประจำ “นายชนนพลกล่าว

Advertisement

นายชนนพล กล่าวว่า ยอมรับว่า การเทรดหุ้นมีความเสี่ยงและอันตราย แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างกำไรให้เรามากเช่นกัน (High Risk Hing Return)ซึ่งถึงแม้ในปัจจุบันเกิดแรงกดดันของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด – 19 หากมีการลงทุนด้วยหลักการที่ถูกต้องก็สามารถสร้างกำไรได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้จากความรู้และประสบการณ์ในการเทรดหุ้นนั้น ต้องอาศัยการเก็บสถิติ การควบคุมอารมณ์ การคิดอย่างมีระบบ มีวินัยในตัวเอง การบริหารการเงินที่ดี ซึ่งตนได้แนะนำวิธีการปั้นพอร์ตให้เติบโตอย่างยั่งยืนไว้ในหนังสือ ” ONE2TEN : ปั้นพอร์ตจาก หนึ่งล้าน เป็นสิบล้าน” ซึ่งรายได้ทั้งหมดที่ผู้เขียนได้รับหลังหักค่าใช้จ่ายจากหนังสือเล่มนี้นำไปบริจาคให้แก่ “มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ” และสามารถติดตาม ผลงานได้ทาง fanpage facebook : one2ten

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image