‘ดับบลิวเอชเอ‘ เห็นสัญญาณการฟื้นตัว-ต่างชาติกลับมาลงทุน เล็งเข้ากองทรัสต์ มูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท

ดับบลิวเอชเอเห็นสัญญาณการฟื้นตัว-ต่างชาติกลับมาลงทุน เล็งเข้ากองทรัสต์ มูลค่ากว่า 4,600 ล้านบาท

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดับบลิวเอชเอ (WHA) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ธุรกิจโลจิสติกส์ของบริษัทฯ ยังคงเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากการผนึกกำลังกับพันธมิตรในระยะยาว ตลอดจนอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยในครึ่งแรกของปี 2563 มีการลงนามในสัญญาเพื่อเช่าคลังสินค้า และโรงงานสำเร็จรูป รวมถึงและคลังสินค้าสำเร็จรูป ไปแล้วเกือบ 100,000 ตารางเมตร และในไตรมาสที่3/2563 ก็ได้มีการลงนามสัญญาอีกประมาณ 40,000 ตารางเมตร รวมถีงบริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเจรจาให้เช่าพื้นที่คลังสินค้าอีกกว่า 170,000 ตารางเมตรกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ธุรกิจอาหาร และธุรกิจผู้ประกอบการโลจิสติกส์ โดยบริษัทฯ คาดว่าพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมดของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,560,000 ตารางเมตร ภายในสิ้นปี 2563 นี้

 

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ในปี 2562 บริษัทฯ ได้เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเตรียมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงมาใช้ในการบริหารจัดการด้านโลจิสติกส์ อาทิ เทคโนโลยี 5จี อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์(ไอโอที) ระบบการจัดเก็บและเรียกคืนสินค้าอัตโนมัติ และรถลำเลียงสินค้าอัตโนมัติ ซึ่งนวัตกรรมล้ำสมัยเหล่านี้ช่วยให้การทำงานเป็นระบบอัตโนมัติมากขึ้น ทำให้มีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร พร้อมขับเคลื่อนพันธกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ปในการเป็นศูนย์โลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะอย่างสมบูรณ์แบบ โดยดับบลิวเอชเอกรุ๊ป วางแผนว่าจะขายพื้นที่คลังสินค้าให้ได้จำนวน 130,000 ตารางเมตร เข้ากองทรัสต์ WHART รวมถึงพื้นที่โรงงานและคลังสินค้าจำนวน 50,000 ตารางเมตร เข้ากองทรัสต์ HREIT คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินรวม 4,600 ล้านบาท

ท่ามกลางสถานการณ์ความท้าทายตลอดทั้งปี เรามั่นใจว่าธุรกิจทั้ง 4 กลุ่มจะยังดำเนินไปได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ เราเตรียมพร้อมรองรับโอกาสทางธุรกิจให้เติบโตได้ต่อเนื่องอย่างยั่งยืนทั้งในประเทศไทยและเวียดนามนางสาวจรีพรกล่าว

Advertisement

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บมจ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ยังคงตอกย้ำตำแหน่งผู้นำในการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย โดยนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 3 ครอบคลุมพื้นที่รวม 2,200 ไร่ ได้ดำเนินการพัฒนาใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว นอกจากนี้ การก่อสร้างของนิคมอุตสาหกรรมแห่งที่ 11 ของดับบลิวเอชเอ ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 จะเริ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 ปี2563 หลังจากได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างและผ่านการรับรองตามมาตรฐานของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไปแล้ว นอกจากนี้ โครงการขยายนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเออีสเทิร์นซีบอร์ด 4 ในพื้นที่อีอีซี และเขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ สระบุรี 2 มีกำหนดเริ่มดำเนินการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

นางสาวจรีพร กล่าวว่า ดับบลิวเอชเอ พร้อมรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตเพื่อเตรียมต้อนรับนักลงทุนที่วางแผนย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยจากผลกระทบของความตึงเครียดทางการค้าหรือการหยุดชะงักของซัพพลายเชนโดยบริษัทฯ ได้มีการปรับเป้าหมายยอดขายที่ดินในปี 2563 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันโดยตั้งเป้ายอดขายที่ดินรวมทั้งปีเท่ากับ 900 ไร่ แบ่งเป็นยอดขายในประเทศไทย 600 ไร่ และประเทศเวียดนาม 300 ไร่ ซึ่งแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาการเจรจาเพื่อขายและส่งมอบที่ดินจะยังไม่สามารถทำได้เต็มที่นัก เนื่องจากข้อจำกัดการเดินทางแต่บริษัทฯ ก็ได้มีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ อาทิ โดรน มาใช้เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการขายที่ดิน ตลอดจนได้มีการเสนอแนวทางเปิดน่านฟ้าและมาตรการรองรับการเดินทางสำหรับนักธุรกิจโดยเฉพาะต่อภาครัฐเพื่อสนับสนุนให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างสะดวกมากขึ้น และเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บมจ. ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการย้ายฐานการลงทุนของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นและไต้หวันที่ต้องการย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังประเทศไทยและเวียดนาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image