ททท. จับมือหอการค้า ดึงเศรษฐีตจว.เที่ยวไทย หวังกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยภายหลังลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว กับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า การร่วมมือในครั้งนี้เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปัจจุบันที่ส่งผลให้ไทยยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จึงต้องเร่งกระตุ้นในเกิดการท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยจะเน้นดึงกลุ่มนักท่องเที่ยว 3 กลุ่ม คือ กลุ่มคนไทยเที่ยวต่างประเทศ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทำงานในไทย หรือเอ็กซ์แพท และกลุ่มสัมมนาภาครัฐ ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวยังรวมถึงการเชื่อมโยงความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ อาทิ สายการบิน ผู้ประกอบธุรกิจในภูมิภาค ซึ่งจะถูกดึงเข้ามาร่วมวางแผนสร้างกลยุทธ์กระตุ้นการท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย
“ททท.กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 80 ล้านคน-ครั้งในปี 2563 ซึ่งการลงนามในครั้งนี้ ต้องการดึงดูดกลุ่มเครือข่ายสมาชิกสมาชิกหอการค้าฯ อาทิ นักธุรกิจท้องถิ่นที่เป็นสมาชิกของหอการค้าทั่วประเทศ หรือกลุ่มเศรษฐีภูธร ให้ออกมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ถึง กุมภาพันธ์ 2564” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
นายกลินท์ สารสิน ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท.และหอการค้า จะร่วมกันตั้งคณะทำงานขึ้น 1 ชุด เพื่อออกแบบแพคเกจการท่องเที่ยวร่วมกัน โดยหลังจากนี้จะหาแนวทางสนับสนุนให้สมาชิกหอการค้าฯ ที่มีกว่า 1 แสนคน เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น คาดว่าจะทำให้เกิดเงินสะพัดใกล้เคียงกับจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางออกไปเที่ยวต่างประเทศกว่า 10 ล้านคนต่อปี หรือคิดเป็นเงินกว่า 3-4 แสนล้านบาท
นายกลินท์ กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ททท.จะจัดทำแพคเกจสำหรับกลุ่มธุรกิจ เน้นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีลูกและยังไม่มีลูก ให้เดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเน้นในเมืองสำคัญด้านการท่องเที่ยวที่มีเที่ยวบินไปถึง อาทิ กรุงเทพฯ ไปยังจังหวัดต่าง และเมืองใหญ่สู่เมืองใหญ่ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีแพคเกจพิเศษทั้งโรงแรม ที่พัก ร้านอาหารจัดไว้ให้ เชื่อว่าเแนวทางนี้จะทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงปลายปีได้ควบคู่กับมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาสนับสนุน
