“บิวท์ทูบิวด์” โวครึ่งปีคว้างานสร้างบ้านเพียบ เผยครึ่งปีหลังเดินหน้าออกโปรฯต่อเนื่อง

“บิวท์ทูบิวด์” โวครึ่งปีคว้างานสร้างบ้านเพียบ เผยครึ่งปีหลังเดินหน้าออกโปรฯต่อเนื่อง

นายสุธี เกตุศิริ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ เปิดเผยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรงรวมทั้งประเทศไทยด้วย  ซึ่งในส่วนของธุรกิจรับสร้างบ้านก็ได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน แต่หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านยังได้รับผลกระทบไม่รุนแรงเท่ากลุ่มบ้านจัดสรรหรือคอนโด ที่ต้องมีการลงทุนทั้งที่ดินและสาธารณูปโภค แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านจะดำเนินการได้ต้องมีปัจจัยความต้องการปลูกสร้างของลูกค้าก่อน  ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นกลุ่ม Real Demand ที่มีการเตรียมตัวและวางแผนการปลูกสร้างมาล่วงหน้า มีการซื้อที่ดินเตรียมไว้ ผลกระทบที่ได้รับจึงเป็นเรื่องของการชะลอการตัดสินใจออกไปก่อน  แต่ยังเชื่อว่าความต้องการสร้างบ้านที่แท้จริงยังมีอยู่

นายสุธีกล่าวว่า อย่างไรก็ตามธุรกิจรับสร้างบ้านจะได้รับผลกระทบมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของ   แบรนด์เป็นสำคัญ เพราะผู้บริโภคจะพิจารณาการใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น แต่เมื่อต้องตัดสินใจก็จะเลือกปลูกสร้างกับบริษัทที่เป็นมืออาชีพ  มีผลงานคุณภาพได้มาตรฐาน ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคอย่างยาวนาน ก็จะได้ผลกระทบน้อยกว่าบริษัทที่ยังใหม่และยังไม่เป็นที่รู้จัก  โดยหากย้อนกลับไปช่วงเกิดวิกฤตในไตรมาสแรก กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์ มีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ( Backlog) ไม่น้อยกว่า 180 หลัง จึงทำให้ช่วง  6 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทฯมีงานอย่างเต็มมือและต่อเนื่อง จึงคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีนี้คงไม่ได้รับผลกระทบหรือหากกระทบก็ไม่มากนัก แต่หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญภายในปี 64 นี้ ก็คงจะต้องส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของกลุ่มบริษัทฯ  ซึ่งหากเราได้รับวัคซีนภายในสิ้นปีนี้หรือไม่เกินต้นปีหน้า ทำให้เราสามารถเปิดประเทศ  ทำการส่งออก/ค้าขาย และรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวดีขึ้น แต่จะคาดการณ์ให้กลับไปฟื้นตัวเหมือนก่อนช่วงมี COVID-19 คงต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2-3 ปี

นายสุธี กล่าวต่อว่า  วิกฤตในขณะนี้หากมองอีกมุมถือว่าเป็นโอกาสของธุรกิจรับสร้างบ้านในเรื่องการปรับตัวและการสร้างแบรนด์ เพราะถ้าบริษัทใดมีการสร้างแบรนด์อย่างแข็งแกร่ง เป็นที่น่าเชื่อถือของลูกค้า แม้เกิดวิกฤตก็ยังสามารถได้รับความไว้วางใจ สามารถขายสินค้าได้ และไม่สูญหายไปจากการรับรู้ของลูกค้า  ด้านสถานะการเงินก็เช่นกัน หากบริษัทมีความพร้อม การเงินมีความเข้มแข็ง ก็จะสามารถรักษาทีมงานคุณภาพไว้ได้โดยไม่สูญเสียทรัพยากรบุคคลเลย  รวมทั้งยังมีเม็ดเงินมากพอในการทำตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ทั้งการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างและสื่อต่างๆ ในช่วงวิกฤตได้ต่อเนื่อง   แต่ช่วงเวลานี้ก็ถือว่าเป็นจังหวะที่เหมาะสมและเป็นโอกาสทองของผู้บริโภคที่มีความพร้อมในการสร้างบ้าน  เพราะนอกจากจะได้บ้านที่มีคุณภาพแล้วยังมีโอกาสสร้างบ้านในราคาที่สมเหตุสมผลมากขึ้น  เนื่องจากตลาดมีการแข่งขันค่อนข้างสูง ทั้งการจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษ การออกแบบ/พัฒนาแบบบ้านใหม่ การคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ตลอดจนการรักษาคุณภาพและมาตรฐานงานก่อสร้างเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคจะสามารถคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีคุณภาพให้ตรงกับความต้องการของตัวเองได้ อีกทั้งในส่วนของการขอสินเชื่อก็เป็นโอกาสที่ดีในการได้ดอกเบี้ยต่ำลง เพราะธนาคารหลายๆ แห่งได้มีการปรับลดดอกเบี้ยสินเชื่อ 

“ในวันที่ 1-4 ต.ค.นี้ กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์จะออกบูธงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2020 ณ อิมแพคเมืองทองธานี “นายสุธีกล่าว

Advertisement

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image