หุ้นไทยปิดลบเล็กๆ 5.68 จุด หลังไร้ปัจจัยบวกใหม่ แถมถูกกดดันทั้งปัจจัยเสี่ยงจากใน–นอกประเทศ
วันที่ 29 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,263.02 จุด ปิดตลาดภาคเช้าที่ระดับ 1,263.98 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,257.34 จุด ปรับลดลง 5.68 จุด หรือ 0.45% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,267.67 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,254.34 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 38,205.97 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 170.54 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 50.69 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 1,487.67 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,266.45 ล้านบาท
โดยนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย ดัชนีเคลื่อนไหวผันผวนในแดนบวกและลบสลับกัน ซึ่งภาพรวมคล้ายตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค แกว่งตัวในกรอบแคบตลอดช่วงการซื้อขาย พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โดยสาเหตุคาดว่ามาจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน เพื่อรอดูทิศทางมาตรการกำหนดราคาเสนอซื้อขายสูงสุดและต่ำสุด (Ceiling & Floor) ได้ไม่เกิน 15% จากเดิม 30% และมาตรการเซอร์กิต เบรกเกอร์ ที่ปรับเกณฑ์เป็นการชั่วคราว โดยระดับที่ 1 หากดัชนีปรับตัวลดลง 8% จะหยุดการซื้อขาย 30 นาที จากเดิม 10% และเกณฑ์การขายหุ้นโดยไม่มีในมือ (ชอร์ตเซล) เป็นการชั่วคราว ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนนี้ ว่าจะขยายเวลาการใช้มาตรการออกไปอีกหรือไม่
“ตลาดในช่วงเช้าเห็นภาพราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้น จึงทำให้ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวก จากนั้นปรับลดลงจนเข้าสู่แดนลบช่วงบ่าย หลังจากธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เปิดเผยคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้หดตัว 8.3% โดยอาจแย่สุดที่ 10.4% จากนั้นในปี 2564 เศรษฐกิจไทยกลับมาขยายตัวได้ 4.9% แต่ยังมีความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่กระทบจากมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 และการตกต่ำของเศรษฐกิจทั่วโลกที่ยาวนาน รวมถึงปัจจัยกดดันเฉพาะตัว ในส่วนของความร้อนแรงทางการเมืองในประเทศไทย ที่ยังมีความเสี่ยงและไม่แน่นอนอยู่ ทำให้ตลาดลดระดับลงในแดนลบต่อ ทั้งยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมด้วย” นางสาววิลาสินีกล่าว
