“เฉลิมชัย” สั่งด่วนตั้งวอร์รูมตามสถานการ์น้ำท่วม พร้อมกำกับทุกหน่วยงานช่วยเหลือเกษตรกรเต็มที่
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่เกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมประเทศไทย นำมาซึ่งการเกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายจังหวัด เช่น จังหวัดนครราชสีมา เพชรบุรี และได้สร้างความสร้างความเดือดร้อนและเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร สำหรับการช่วยเหลือเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เร่งดำเนินการช่วยเหลือโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งสั่งการให้มีการศูนย์ปฎิบัติการช่วยเหลือ หรือ วอร์รูมขึ้น เพื่อติดตามสถานการณ์ และดำเนินการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งยังได้สั่งการให้นายสัญญา แสงพุ่มพงศ์รักษาการอธิบดีกรมชลประทานลงพื้นที่เสี่ยง เช่น จังหวัดเพชรบุรีเพื่อดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่รวมถึงในจังหวัดต่างๆที่ประสบความเดือดร้อน สำหรับประชนและเกษตรกรที่เดือดร้อนสามารถแจ้งได้ที่โทร.สายด่วน กรมชลประทาน 1460
ขณะที่ ดร.ทองเปลว ทองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวเสริมว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัยลุ่มน้ำเพชรบุรี จากสถานการณ์ฝนตกหนักในลุ่มน้ำเพชรบุรี เมื่อวันที่ 9-10 ตุลาคม 2563 ปริมาณฝนเฉลี่ยมากกว่า 200 มม ทำให้เกิดน้ำหลากในห้วยแม่ประจันต์ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2563 มีปริมาณน้ำหลากสูงสุด 290 ลบ.ม/วินาที และมีปริมาณที่ไหลมาจากแก่งกระจานและห้วยผาก 55 ลบ.ม/วินาที ทำให้มีปริมาณน้ำไหลมารวมที่หน้าเขื่อนเพชร อ.ท่ายาง สูงสุด 322ลบ.ม/วินาที เมื่อเวลา 6.00 น วันนี้ ปัจจุบันสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำห้วยแม่ประจันต์ได้ลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว
สำหรับการบริหารจัดการ ประกอบด้วย หนึ่ง ตัดยอดปริมาณน้ำเข้าระบบชลประทานและคลองระบายน้ำ D9 ได้ 107ลบ.ม/วินาที และปริมาณน้ำผ่านท้ายเขื่อนเพชร 215 ลบ.ม/วินาทึ ซึ่งปริมาณน้ำที่ผ่านท้ายเขื่อนเพชรจะไหลผ่าน อ.ท่ายาง อ. บ้านลาด และ อ. เมืองเพชรบุรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 ชั่วโมง และจะส่งผลกระทบ มีน้ำเอ่อล้นพื้นที่ในเขต อ เมืองตั้งแต่ เวลา 18.00 น. พร้อมกันนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดส่งรถแบ๊ลคโฮล 5 คัน และรถตัก 1 คันเข้าพื้นที่เพื่อข่วยเหลือในพื้นที่
ทั้งนี้ โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีและโครงการชลประทานเพชรบุรี ได้รายงานสถานการณ์ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีทราบ และมีหนังสือแจ้งเตือน สถานการณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบและเตรียมความพร้อมในการแก้ไขปัญหาแล้ว ในส่วนของกรมชลประทาน ได้สั่งการให้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 17 เครื่อง แผน 30 เครื่อง) และเครื่องผลักดัน น้ำ 14ชุดในจุดเสี่ยงต่างๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือพร้อมในพื้นที่แล้วเพื่อควบดูแลการช่วยเหลือเกษตรกร
