ส.อ.ท.กังวลม็อบ2ฝ่ายปะทะ เรียกร้องทุกฝ่ายดับไฟการเมือง หวั่นกดศก.ปี 64

คอฟฟี่เบรกประจำวันเสาร์ที่ 18 เมษายน 2563 : ขอเวลาแป๊บ
เกรียงไกร เธียรนุกุล

ส.อ.ท.กังวลม็อบ2ฝ่ายปะทะ เรียกร้องทุกฝ่ายดับไฟการเมือง หวั่นกดศก.ปี 64

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองภายหลังผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกภายใน 3 วัน ครบกำหนดวันที่ 24 ตุลาคม ว่า สถานการณ์การเมืองในเวลานี้ไฟกำลังลุกและลามอย่างที่ทุกคนทราบ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องโดยตรงในการแก้ปัญหา เวลานี้มีการโยนโจทย์ไปที่รัฐสภา ดังนั้นส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน สว. และผู้เกี่ยวข้องทุกคนต้องทำหน้าที่ ต้องทำให้ดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามหรือติดไปทั่ว ขณะนี้สิ่งที่ต้องทำคือ แก้ปัญหาตรงจุด ตรงปะเด็น ต้องแสดงความจริงใจอย่างเปิดผย ต้องมาคิด ร่วมกันทำ หาทางออกให้ประเทศ ต้องรวดเร็วไม่ยื้อ หรือดึงเวลา เพราะเรื่องนี้ต้องทำงานแข่งกับเวลาใช้รูปแบบเดียวกับสภาวะโควิดคือทุกอย่างต้องรวดเร็ว ยิ่งช้าจะยิ่งลามไปใหญ่

“ตอนนี้ทุกฝ่ายต้องแก้ปัญหา อาทิ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตราไหนที่สามารถทำได้เลย ควรรีบคุย หาทางออก แม้ทำไม่ได้ทุกข้อ แต่การพยายามทำจะมีส่วนให้อุณหภูมิทางการเมืองลดลง จะไม่ระเบิดออกมาก่อน ลดความรุ่มร้อนของสถานการณ์ให้คลี่คลายเบาลง เพราะเห็นว่ามีการแก้ไขตรงประเด็น เวลานี้สิ่งสำคัญคือขจัดความระแวงที่มีต่อกัน ต้องมีทรัสต์ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ไม่ซื้อเวลาประวิงเวลาต่อกัน“นายเกรียงไกรกล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า วันที่ 24 ตุลาคม จะครบกำหนด 3 วันที่ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าจะไม่มีความรุนแรง เพราะจากสิ่งที่เห็นตลอดของม็อบเด็กยังไม่เห็นท่าทีรุนแรง บางครั้งที่ประกาศจะมีบิ๊กเซอร์ไพรส์ ทุกคนเฝ้าดูแต่สุดท้ายบิ๊กเซอร์ไพรส์ของเด็กกลับเป็นอีกบรรยากาศ เป็นเส้นทางใหม่ที่ไม่เคยเจอจากม็อบ เป็นวิธีการที่ทั้งตื่นเต้นและเฝ้าติดตาม ไม่ได้รุนแรง ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่รุนแรง ส่วนจะเป็นอย่างไรต้องเฝ้าติดตาม เพราะเด็กมีความคิดสร้างสรรค์หลากหลาย เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ต้องเฝ้าดู ติดตาม

นายเกรียงไกร กล่าวถึงการปะทะกันระหว่างม็อบเด็ก กลุ่มเสื้อเหลืองปกป้องสถาบันว่า การออกมาแสดงความคิดเห็นทางประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา ถ้าทุกคนอยู่ในความสงบ ไม่ยั่วยุ หลักเลี่ยงการเผชิญหน้ากัน รักษาระยะห่างให้เหมือนช่วงโควิด-19 มองว่าทุกฝ่ายมีสิทธิ จะบอกว่าเด็กออกมาได้ อีกฝ่ายไม่ได้ คงไม่ใช่ ต้องเสมอภาคเท่าเทียมในการแสดงออกอย่างสันติตามรัฐธรรมนูญ แต่ว่าช่วงที่ผ่านมามีการปะทะ ตื่นเต้น มีการพยายามเข้าใกล้กันเกินไป เรื่องนี้ไม่ควร อย่าให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง แม้จะเห็นต่าง ควรหาทางออกอย่างสันติ

Advertisement

นายเกรียงไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่างอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ที่ก่อนหน้านี้ไม่ดีมาตลอด ช่วงนี้หากมีการปะทะกัน มีการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรง จะกระทบทำให้ความเชื่อมั่นลดลง อยากให้ทุกฝ่ายแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ไม่เกิดความรุนแรง แต่หากยื้ดเยื้ออีก 3 เดือน 6 เดือน จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ ทำให้โอกาสฟื้นตัวปี 2564 ยากขึ้น และอาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ประเทศ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว นักลงทุนที่กำลังจะหวนกลับมา ทำให้ชะลอการเข้าประเทศไทยได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image