กกพ.ยกเคสปตท. วางหลักเกณฑ์คุมระบบท่อก๊าซหลังชุมชนรุกคืบเข้าใกล้

กกพ.เตรียมศึกษาออกระบบหลักเกณฑ์ควบคุมระบบท่อก๊าซฯเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นหลังชุมชนรุกคืบใกล้แนวท่อมากขึ้นแม้ระบบท่อฯปตท.จะมีมาตรฐานระดับสากล แต่สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปทั้งชุมชน และถนน

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยถึงกรณีท่อก๊าซของปตท. ระเบิดภายใน ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 66 คน บ้านเสียหายกว่า 31 หลัง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ถูกไฟไหม้ 63 คัน แรงระเบิดครอบคลุมพื้นที่บริเวณกว้างกว่า 1 ตารางกิโลเมตร เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 ว่า สำนักงาน กกพ.ได้ติดตามเหตุท่อก๊าซธรรมชาติรั่ว และเกิดระเบิด อย่างใกล้ชิด ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลกิจการพลังงานกำลังพิจรณาว่าจะออกระเบียบกฏเกณฑ์เพิ่มเติมอย่างไรในการแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นในลักษณะดังกล่าวอีก ยอมรับว่าท่อก๊าซฯดังกล่าวเป็นท่อเส้นที่ 2 ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2539 และพบว่าสภาพแวดล้อมใกล้ท่อก๊าซฯแต่ละเส้นเปลี่ยนไปมากจากอดีต มีชุมชน ถนน เกิดใกล้แนวท่อฯมากขึ้น จึงต้องวางเกณฑ์ในการกำหนดความปลอดภัยเพิ่มเติม

นายคมกฤช กล่าวว่า ท่อก๊าซฯปตท.มีมาตรฐานสูงเป็นมาตรฐานระดับโลก มีการเตือนเรื่องบุคคลภายนอกเข้าไปใช้พื้นที่ใกล้เคียงต้องแจ้งขออนุญาต แต่ที่ผ่านมาก็มีอุบัติเหตุ จากการไม่ระมัดระวังของบุคคลภายนอก ส่วนสาเหตุการรั่วครั้งนี้ต้องรอผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ซึ่ง ปตท.ได้ส่งชิ้นส่วนท่อก๊าซที่ฉีกขาดไปตรวจสอบ โดยระบบก๊าซของไทยใช้ยาวนานมาเกือบ40ปี ตั้งแต่ประเทศไทยพบก๊าซธรรมชาติเริ่มใช้ปี 2524 ท่อก๊าซหลักบนบกความยาวประมาณ 2,641 กิโลเมตร เส้นที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเส้นที่ 2 ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2539

“สำนักงาน กกพ.ต้องมาดูว่าจะออกระเบียบ อะไร เข้ามาดูแลเพิ่มเติม ส่วนสาหตุอุบัติภัยที่ อ.บางบ่อครั้งนี้ ต้องรอผู้เชี่ยวชาญสรุปสาเหตุ จะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการพลังงานของไทยนั้นมีการวางแผนที่พร้อม มีท่อก๊าซฯ หลายเส้นเป็นลูปต่อเชื่อมกัน เช่นเดียวกับสายไฟฟ้า ดังนั้น เมื่อเกิดอุบัติภัย ก็กระทบผู้ใช้ก๊าซฯเพียงช่วงแรกเล็กน้อยเท่านั้น และสามารถบริหารจัดการส่งก๊าซฯ สับสายส่งไฟฟ้าทดแทนรวดเร็ว ไม่กระทบผู้บริโภค” นายคมกฤชกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image