กกร.หวั่นโควิดระบาดซ้ำกดจีดีพีไตรมาส 4 จับตาเลือกตั้งสหรัฐ มึนตู้คอนเทนเนอร์ขาดกระทบส่งออกต้นปีหน้า นัดคมนาคมถกด่วน
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ประจำเดือนพฤศจิกายน ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพฯ ว่า กกร.หารือถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3 พบว่าได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมในต่างประเทศ ส่งผลให้การส่งออกดีขึ้น ภาคเกษตรและอุตสาหกรรมในประเทศดีขึ้น และพบว่าการใช้จ่ายในประเทศดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ
“สิ่งที่ กกร.กังวลคือ ปี 2564 อาจมีปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ขาดแคลน ทำให้ค่าระวางเรือมีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้น กกร.จะนำคณะไปหารือกับกระทรวงคมนาคมเพื่อวางแผนรับมือในอนาคต” นายกลินท์กล่าว
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า การแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ที่รุนแรงในหลายประเทศเป็นความเสี่ยงหลักในช่วงที่เหลือของปี 2563 ประเทศหลักในสหภาพยุโรปประกาศล็อกดาวนในช่วงเดือนพฤศจิกายนเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแม้การล็อกดาวน์ในครั้งนี้จะเน้นจำกัดกิจกรรมของผู้บริโภค ไม่ได้ให้หยุดภาคการผลิต แต่ก็คาดว่าจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมแผ่วลง ในเบื้องต้นคาดว่าจะกระทบ GDP ไทยในไตรมาสที่ 4 ราว 0.37-0.5% เนื่องจากคาดว่าจะมีผลกระทบต่อความต้องการสินค้าส่งออก
สำหรับผลการเลือกตั้งสหรัฐ ส่งผลต่อนโยบายการค้าและการลงทุนที่เปลี่ยนไปซึ่งมีผลทั้งบวกและลบ โดยหากนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งประธานธิบดีสหรัฐ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา อาจจะส่งผลให้นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐกับคู่ค้ามีแนวโน้มกลับมาผ่อนคลายมากขึ้น แต่อาจเพิ่มมาตรการสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชน ทำให้การส่งออกของไทยต้องปรับตัว
“สถานการณ์ดังกล่าว กกร.จึงคงประมาณการส่งออกปีนี้ไว้ที่ -10% ถึง -8% เหมือนเดิม ขณะที่เศรษฐกิจไทยจะหดตัวในกรอบ -9.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าอยู่ในกรอบ -1.5% ถึง -1.0%” นายสุพันธุ์กล่าว
