‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ ตั้งเป้า 3 ปีขยายพอร์ตสินเชื่อแตะ 12,000 ล้านบาท ก้าวสู่ผู้นำสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ

‘ศักดิ์สยามลิสซิ่ง’ ตั้งเป้า 3 ปีขยายพอร์ตสินเชื่อแตะ 12,000 ล้านบาท ก้าวสู่ผู้นำสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ

นายพูนศักดิ์ บุญสาลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SAK เปิดเผยว่า ในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและขีดความสามารถในการขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อผลักดันเติบโตในทุกมิติ ทั้งจำนวนสาขา ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย จำนวนสาขาที่จะขยายเพิ่มเติม โดยวางเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า (2564-2566) เพิ่มจำนวนสาขาเป็น 1,119 สาขา จากปัจจุบัน 519 สาขา ในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันตก รวม 38 จังหวัด โดยบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) เข้ามาช่วยพัฒนาวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในเชิงลึก ตั้งแต่การเสนอสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ รับชำระหนี้ บริหารหนี้สูญ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า และเพิ่มขีดความสามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้นและสร้างการเติบโต โดยตั้งเป้าภายในปี 2566 พอร์ตสินเชื่อจะขยายตัวเพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาท วันที่ 30 มิ.. 2563 มีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,067 ล้านบาท

จุดแข็งของเราคือการดำเนินธุรกิจที่มีความโปร่งใส เป็นมิตรและเป็นธรรม พนักงานมีคุณภาพและมีความเข้าใจลูกค้า จึงสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นผ่านจุดให้บริการสาขาที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต จะทำให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและนำพาองค์กรไปสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำสินเชื่อรายย่อยระดับชาตินายพูนศักดิ์ กล่าว

นายพูนศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับภูมิภาคภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้ชื่อแบรนด์ศักดิ์สยาม’ (SAKSIAM) ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม โดยมีวิสัยทัศน์ก้าวเป็นหนึ่งในบริษัทจดทะเบียนผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับชาติ ภายใต้แนวคิด การดำเนินธุรกิจ การให้บริการอย่างเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง ด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์และจริงใจให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็วและเป็นธรรม ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย แบ่งเป็น 4 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.สินเชื่อทะเบียนรถ (Vehicle Title Loan) 2.สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) 3.สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (Nano Finance) และ 4.สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรถแลกเงิน (Hire-Purchase and Car for Cash) ที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตมาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยจุดเริ่มต้นธุรกิจมาจากการรับบริหารจัดเก็บหนี้ ทำให้เราเข้าใจในพฤติกรรมความต้องการสินเชื่อของลูกค้า และตอบสนองความต้องการแหล่งเงินทุน ผ่านการปล่อยสินเชื่อในเขตพื้นที่จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลาง ทำให้เราสามารถช่วยเหลือประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนนำไปประกอบอาชีพได้เป็นอย่างดี และการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะทำให้เราขยายธุรกิจในการปล่อยสินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้มากขึ้นนายพูนศักดิ์ กล่าว

Advertisement

ด้านนางเรณู วิลาศรี รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบริหารงานบัญชีและการเงิน บมจ. ศักดิ์สยามลิสซิ่ง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2562) บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการเฉลี่ยอยู่ที่ 31.6% ต่อปี สอดคล้องการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 33.5% สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดย วันที่ 30 มิ.. 2563 บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,067 ล้านบาท และมีจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม230,273 สัญญา แบ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกัน 88% และลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม โดยในการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ บริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อยและใช้เป็นเงินหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งโครงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อปรับปรุงระบบการให้บริการสินเชื่อ

นางสาวพันทิตา แซ่เอ็ง รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจาก บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ... เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ล่าสุด... ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และได้รับอนุมัติเริ่มนับ 1 ไฟล์ลิ่งแล้ว โดยปัจจุบัน บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนจำนวน 2,096 ล้านบาท แบ่งเป็น 2,096 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 1,550 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นไอพีโอจำนวนไม่เกิน 546 ล้านหุ้น คิดเป็น 26% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นครั้งนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image