ลงทะเบียนเก็บตกวันนี้ ‘คนละครึ่ง’ 2.4 ล้านคน ชี้ยอดใช้จ่ายพุ่ง1.1หมื่นล้าน ร้านค้าแฮปปี้ยอดขายเพิ่มขึ้น

ลงทะเบียนรอบเก็บตกวันนี้ ‘คนละครึ่ง’ 2.4 ล้านคน เผยยอดใช้จ่ายพุ่ง1.1หมื่นล้าน ร้านค้าแฮปปี้ยอดขายเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังได้เปิดโครงการคนละครึ่ง แจกเงิน 3,000 บาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีโดยได้ดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 23ตุลาคม ล่าสุดรายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แจ้งความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งว่าเวลา 12.00 น. ของวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 570,000 ร้านค้า และมีผู้ใช้สิทธิจำนวน 7,387,647 คน โดยมียอดการใช้จ่ายสะสม 11,021.55 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 5,618.27 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 5,403.28 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 212 บาทต่อครั้ง โครงการนี้เริ่มเดินหน้าตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน พบว่ายอดใช้จ่ายเติบโตต่อเนื่อง โดยจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพฯ สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ รายงานข่าวระบุ

2.4ล้านสิทธิพร้อมรอบเก็บตก11พ.ย.
นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สศค. ในฐานะรองโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันที่ 9 พฤศจิกายน มีสิทธิคงเหลือจากผู้ไม่ผ่านการตรวจสอบสิทธิและผู้ไม่เริ่มใช้สิทธิภายในกำหนด 14 วัน ที่จะนำมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเป็นจำนวน 2.4 ล้านสิทธิ ดังนั้น โครงการคนละครึ่งจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการอีกครั้ง ในวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ระหว่างเวลา 06.00- 23.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com จนกว่าจะครบจำนวน โดยผู้ที่สามารถลงทะเบียนได้จะต้องเป็นผู้ไม่เคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาก่อน หรือเป็นผู้ที่ลงทะเบียนแต่ไม่สำเร็จ

นายพรชัยกล่าวถึงคุณสมบัติของผู้ที่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการว่า ต้องเป็นประชาชนสัญชาติไทยอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปในวันลงทะเบียน มีบัตรประจำตัวประชาชน และไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งได้รับสิทธิจากโครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยขอให้เตรียมลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในวันที่11 พฤศจิกายนนี้ ก่อนจำนวนสิทธิจะหมดลงอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับสิทธิและใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งแล้ว จะไม่สามารถเข้าร่วมมาตรการช้อปดีมีคืนได้

ร้านค้าแฮปปี้ยอดขายเพิ่มขึ้น
นายสาโรจน์ เลิศอนันต์ปรีชา เจ้าของร้านจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค หมู่ 16 ต.อ่าวน้อย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาประมาณ 1 สัปดาห์ ยอดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ที่ร้านยังคงจำหน่ายสินค้าในราคาปกติ ไม่ได้ฉวยโอกาสปรับขึ้นราคา ทุกวันจะมีลูกค้าในพื้นที่และพนักงานโรงงานทยอยมาใช้จ่ายผ่านแอพพลิเคชั่นเพื่อซื้อของใช้จำเป็นเก็บไว้ เป็นโครงการที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ทำให้ผู้ค้ารายย่อยมีรายได้และประชาชนมีภาระค่าครองชีพลดลง สำหรับลูกค้าบางรายขอสแกนบาร์โค้ด กับทางร้านโดยไม่ซื้อสินค้า แต่ต้องการเป็นเงินสด ได้ปฏิเสธและขอให้ผู้ค้ารายอื่นอย่าทำผิดเงื่อนไขของโครงการ เพราะนอกจากจะถูกตัดสิทธิร่วมโครงการแล้วยังมีความผิดตามกฎหมาย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image