ส.โรงแรมใต้ เผยหยุดยาว 19-22 พ.ย. ส่อเงียบเหงา จี้เปิดเที่ยวบินลงใต้เพิ่ม

ส.โรงแรมใต้ เผยหยุดยาว 19-22 พ.ย. ส่อเงียบเหงา จี้เปิดเที่ยวบินลงใต้เพิ่ม

นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ เปิดเผยว่า การเดินทางในช่วงวันหยุดยาว หรือระหว่างวันที่ 19-22 พฤศจิกายนนี้ จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าโรงแรมขนาดใหญ่ในภาคใต้ที่มีการทำการตลาด และประชาสัมพันธ์ที่ดี มีนักท่องเที่ยวจองห้องพักเกือบเต็ม 100% แล้ว แต่ในส่วนของโรงแรมขนาดเล็กยังไม่คึกคักเท่าที่ควร หากเปรียบเทียบเป็นจำนวนนักท่องเที่ยว อาจมากกว่าช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพียงเล็กน้อย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประมาณ 12,000 คนต่อวัน สาเหตุที่จำนวนนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งมาจากเที่ยวบิน ที่บินเข้ามายังภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ต ยังมีน้อยอยู่ มองว่าหากรัฐบาลเพิ่มวันหยุดก็ควรเพิ่มเที่ยวบินควบคู่ไปด้วย

“การเพิ่มวันหยุดเป็น 4 วัน 3 คืน ช่วยเพิ่มจำนวนการจองห้องพักอยู่แล้ว แต่อาจจะไปกระจุกตัวอยู่ในบางพื้นที่เท่านั้น ส่วนโรงแรมขนาดเล็กยังเงียบเหงา ส่วนจังหวัดที่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ คือ จังหวัดพังงา เป็นผลมาจากการทำตลาดที่ดี ส่วนในบางโรงแรมที่ยังไม่เก่งเรื่องการตลาดมากนักก็ยังพอผลักดันไปได้เป็นค่อยเป็นค่อยไป” นายก้องศักดิ์ กล่าว

นายก้องศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนให้เปิดรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน จำนวน 10 ล้านคน ในปี 2564 นั้น เป็นเรื่องที่ดี ที่ไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา เพราะจากการผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ช่วยฟื้นภาคการท่องเที่ยวมากนัก หรือยังน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ วัดได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่หลัก อาทิ พัทยา ชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ต และกระบี่ เป็นต้น

นายก้องศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ต้องติดตามว่าการที่รัฐบาลเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยจะได้รับผลตอบรับตามที่ทุกฝ่ายหวังไว้หรือไม่ เพราะจากการเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติแบบจำกัด ภายใต้วีซ่าประเภทพิเศษ หรือทัวร์ริสวีซ่า (เอสทีวี) ยื่นเรื่องเข้ามา ยังมีจำนวนน้อยอยู่ เฉพาะในภูเก็ตพบว่ายังไม่มีต่างชาติรายใดขอเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่เลย ดังนั้น หากรัฐจะเปิดประเทศควรเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 1-2 หมื่นคนต่อวัน หรือประมาณ 6 แสนคนต่อเดือน จึงจะคุ้มค่าและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวได้ หากยังเปิดรับแค่หลักพันคน แต่เข้าใจว่าเป็นการนำร่องในช่วงแรกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศและนักท่องเที่ยว แต่หากใช้เกณฑ์นี้ต่อไป อาจยิ่งทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ล้มหายเพิ่มขึ้นอีกด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image