คาดราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เพราะข่าววัคซีนโควิด-19 ทำกลุ่มโอเปคพลัสเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต

คาดราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น เพราะข่าววัคซีนโควิด-19 ทำกลุ่มโอเปคพลัสเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิต

นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ได้เผยถึงราคาน้ำมันดิบในช่วงวันที่ 9-15 พฤศจิกายน 2563 ว่า ราคาน้ำมันดิบโลก และราคาน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดเอเซีย มีแนวโน้มปรับสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $42.84 และ $40.87 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $3.49 และ $2.96 ต่อบาร์เรล กลุ่มโอเปคพลัสมีแนวโน้มปรับนโยบายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 2 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีกถึงกลางปีหน้า รวมทั้งความคาดหวังของนักลงทุนต่อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่บริษัท Pfizer และ BioNTech พัฒนาร่วมกันว่าจะสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

“นอกจากนี้ แนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตอบรับข่าวความก้าวหน้าในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลังจากบริษัท Moderna ในสหรัฐ ประกาศผลการทดสอบวัคซีนที่ระดับประสิทธิผล 94.5% และกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อส่งให้ FDA โดยคาดว่าจะได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization: EUA) ภายในปีนี้ ประกอบกับกลุ่มโอเปคและประเทศพันธมิตรมีแนวโน้มที่จะขยายระยะเวลาการปรับลดกำลังการผลิตที่ 7.7 ล้านบาร์เรล/วัน ออกไปอีก 3-6 เดือน จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนปลายปีนี้ เนื่องจากตลาดยังคงเผชิญกับความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากลิเบีย โดยกลุ่มผู้ผลิตจะมีการประชุมในวันที่ 30 พ.ย. และ 1 ธ.ค.63 เพื่อพิจารณาถึงนโยบายการปรับลดกำลังการผลิต รวมทั้งติดตามการดำเนินการตามแผนระดมทุนของ Saudi Aramco” นายวัฒพงษ์กล่าว

สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก: วันที่ 9-15 พฤศจิกายน 2563 ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $42.84 และ $40.87 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $3.49 และ $2.96 ต่อบาร์เรล

• กลุ่มโอเปคพลัสมีแนวโน้มปรับนโยบายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ2 ล้านบาร์เรล/วัน ในเดือน ม.ค.64 ออกไป เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะฉุดอุปสงค์น้ำมันในตลาด และจนกว่าจะเริ่มมีการใช้วัคซีนอย่างเป็นทางการ

Advertisement

• ความคาดหวังของนักลงทุนต่อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่บริษัท Pfizer และ BioNTech พัฒนาร่วมกันว่าจะสามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกรวมถึงความต้องการใช้น้ำมันให้เพิ่มมากขึ้น หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย.63 ปรับตัวลดลงกว่า 5.1 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 482 ล้านบาร์เรล สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดลงเพียง 0.9 ล้านบาร์เรล

• ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปตลาดภูมิภาคเอเซีย
น้ำมันเบนซิน: ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $46.75, $45.36 และ $46.35 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $3.75, $3.52 และ $3.64 ต่อบาร์เรล

• ข่าววัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคเอเชียทยอยฟื้นตัว ท่ามกลางการส่งออกน้ำมันจากโรงกลั่นในประเทศจีน ไต้หวัน และอินเดีย

Advertisement

• PetroChina ในจีนมีแผนลดอัตราการกลั่นลงในปี 64 เนื่องจากคาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินในจีนจะลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 63 อุปสงค์ในจีน ลดลง 2.4%

• Shell ประกาศลดกำลังการกลั่นที่โรงกลั่น Pulau Bukom (500,000 บาร์เรล/วัน) ในสิงคโปร์ลง 50% (ภายใน 1-2 ปี) ตามแผน Net-Zero Emissions ภายในปี 93 ทั้งนี้ Shell มีแผนลดจำนวนพนักงานจากปัจจุบัน 1,300 ตำแหน่ง มาอยู่ที่ 1,100 ตำแหน่ง ภายในสิ้นปี 64 และลดลงมาอยู่ที่ 800 ตำแหน่ง ในปี 66

• สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันเบนซินเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 พ.ย. 63 ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 225.4 ล้านบาร์เรล
น้ำมันดีเซล: ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $47.03 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $4.63 ต่อบาร์เรล
• แรงหนุนจากปริมาณการส่งออกน้ำมันดีเซลในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงการปรับลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันในภูมิภาค และการขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตของโรงกลั่นในภูมิภาคเอเชีย อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ยังคงอ่อนแอจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

• Platts รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ที่ FOIZ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สัปดาห์สิ้นสุด 9 พ.ย. 63 ลดลง 0.09 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 5.36 ล้านบาร์เรล

• ค่าเงินบาทของไทย: ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.43 บาท/ลิตร (รวมค่าขนส่งน้ำมันทางท่อจากศรีราชา-กรุงเทพฯ 0.15 บาท/ลิตร) และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.57 บาท/ลิตร จากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.68 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.5129 บาท/เหรียญสหรัฐ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.54 บาท/ลิตร ขณะที่ต้นทุนน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.71 บาท/ลิตร)

• ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง: ณ วันที่ 15 พ.ย. 63 กองทุนน้ำมันมีสินทรัพย์รวม 60,216 ล้านบาท หนี้สินกองทุน 30,867 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันสุทธิ 29,349 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน 37,715 ล้านบาท บัญชี LPG -8,366 ล้านบาท)

สามารถติดตามราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงประจำวันได้ที่ www.eppo.go.th

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image