เกษตรกรเช็กด่วน!! รัฐจ่ายเงินประกันรายได้ ‘ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์’

เกษตรกรเช็กด่วน!! รัฐจ่ายเงินประกันรายได้ “ข้าว ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดือนพฤศจิกายนนี้ รัฐบาลอยู่ระหว่างผลักดันโครงการประกันรายได้เกษตรกร ครอบคลุมเกษตรกรทั้งผู้ปลูกข้าว ยางพารา และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หวังช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้ และป้องกันความเสี่ยงด้านราคา และไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน

รายละเอียดโครงการ ประกอบด้วย

1.ประกันรายได้ข้าว
เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรภายใต้กรอบวงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท ครอบคลุมเกษตรกร 4.5 ล้านราย จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงตามช่วงระยะเวลาที่กำหนด (ภายใน 3 วันทำการ) นับตั้งแต่วันที่คณะอนุกรรมการ กำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ประกาศราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในแต่ละรอบ

เกษตรกรที่มีสิทธิเข้าร่วมโครงการ
-ต้องขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 (รอบที่ 1) กับกระทรวงเกษตรฯและสหกรณ์ ที่ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 1 เม.ย. – 31 ต.ค. 2563
-ยกเว้นภาคใต้ ต้องเป็นผู้ปลูกข้าวระหว่างวันที่ 16 มิ.ย. 63 – 28 ก.พ. 64
-เข้าร่วมโครงการได้แปลงละ 1 ครั้งเท่านั้น โอนงวดแรกเมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา
-ต้องแจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว เพื่อใช้เป็นข้อมูลช่วงเวลาที่เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชย

Advertisement

หลักเกณฑ์ของประกันรายได้ข้าว ครอบคลุม 5 ชนิด โดยต้องมีความชื้นไม่เกิน 15% ได้แก่
1. ข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาประกันตันละ 15,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 14 ตัน
2. ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ราคาประกันตันละ 14,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน
3. ข้าวเปลือกเจ้า ราคาประกันตันละ 10,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ตัน
4. ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาประกันตันละ 11,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 25 ตัน
5. ข้าวเปลือกเหนียว ราคาประกันตันละ 12,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 16 ตัน

2.ประกันรายได้ยางพารา

Advertisement

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางพารา ระยะที่ 2 วงเงินโครงการรวม 10,042 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ปลูกยางพาราราว 18 ล้านไร่ และเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราจะได้รับประโยชน์กว่า 1.8 ล้านราย โอนงวดแรก 26 พ.ย.นี้

การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) จะทำการตรวจสอบและรับรองสิทธิ ประมวลผลส่งไปยัง ธ.ก.ส. เพื่อโอนเงินให้เกษตรกรโดยตรง ส่วนระยะเวลาโครงการ เดือนก.ย.63 – ก.ย. 64 (ประกันรายได้ ตั้งแต่เดือนต.ค. 63 – 1 มี.ค. 64)

คุณสมบัติเกษตรกร
-ต้องขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่การปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม 2563
-สวนยางพาราต้องมีอายุ 7 ปีขึ้นไป ที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่
-ต้องแบ่งสัดส่วนรายได้เป็นเจ้าของสวนยาง 60% และคนกรีด 40% ของรายได้ทั้งหมด หากเจ้าของสวนยางกรีดเอง จะได้รับส่วนต่างประกันรายได้ทั้งจำนวน

หลักเกณฑ์ประกันรายได้ยาง 3 ชนิด ได้แก่
1.ยางแผ่นดิบคุณภาพดี ราคา 60 บาทต่อกิโลกรัม
2.น้ำยางสด (DRC 100%) ราคา 57 บาทต่อกิโลกรัม
3.ยางก้อนถ้วย (DRC 50%) ราคา 23 บาทต่อกิโลกรัม

กำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้ คือ ผลผลิตยางแห้ง (DRC 100%) จำนวนไม่เกิน 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน และผลผลิตยางก้อนถ้วย (DRC 50%) จำนวนไม่เกิน 40 กิโลกรัม/ไร่/เดือน

3.ประกันรายได้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

โครงการประกันรายได้เกษตรกรสำหรับผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2563/64 ต้องเป็นข้าวโพดที่มีความชื้น 14.5% ครอบคลุมพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั่วประเทศ ยกเว้นพื้นที่ที่แจ้งขึ้นทะเบียนปลูกเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์

หลักเกณฑ์เบื้องต้น
-เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กับกรมส่งเสริมการเกษตร เพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 63 – 31 พ.ค.64
-ต้องเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดด้วยตัวเองและกรรมสิทธิ์เป็นของเกษตรกร
-กำหนดราคาประกันรายได้อยู่ที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัม ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่ และไม่ซ้ำแปลง
-เริ่มจ่ายชดเชยได้ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 และจ่ายต่อไปทุกวันที่ 20 ของเดือน เป็นระยะเวลา 12 เดือน
-เกษตรกรตรวจสอบการโอนเงินได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่น ธ.ก.ส. A-Mobile ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขาทั่วประเทศ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image