‘ดีอีเอส’​ เตรียมใช้ กม. จี้อีคอมเมิร์ซ​ลงทะเบียนป้องข้อมูลลูกค้ารั่วไหล

‘ดีอีเอส’​ เตรียมใช้ กม. จี้อีคอมเมิร์ซ​ลงทะเบียนป้องข้อมูลลูกค้ารั่วไหล

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผย​ว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 มีรายงานข้อมูลผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม​อีคอมเมิร์ซรายใหญ่รั่วไหล และมีการนำข้อมูลผู้ใช้บริการดังกล่าว ไปเผยแพร่เชิงพาณิชย์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนผู้ใช้บริการ จึงได้เชิญผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ที่ดำเนินการในประเทศไทย ประกอบด้วย ลาซาด้า ช้อปปี้ เจดีดอทคอม ช้อปแบ็ค และไทยแลนด์โพสต์มาร์ท รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าหารือเพื่อร่วมกันจัดทำแนวทางดูแลข้อมูลของผู้ใช้บริการ และมาตรการในการดูแลข้อมูลผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม โดยให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ยืนยันว่าข้อมูลไม่ได้รั่วไหลจากผู้ประกอบการเอง แต่รั่วไหลจากผู้ประกอบการรับช่วงบริหารจัดการการขาย หรือบริษัทขนส่ง ซึ่งสำหรับผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ไม่สามารถเอาผิดได้เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ซึ่ง​เดิมมีผลบังคับใช้​ พ.ศ. 2563 แต่ได้ขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไปอีก 1 ปี (27 พฤษภาคม 2563 -​ 31 พฤษภาคม 2564)

ส่วนผู้ประกอบการรับช่วงบริหารจัดการการขาย ภายในสัปดาห์หน้า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือเอ็ตด้า จะเปิดให้มีการลงทะเบียนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์​ในการเป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซร่วมกันอย่างชัดเจน โดยจะมีการเปิดอบรม เพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายและการปกป้องข้อมูลของลูกค้าอย่างถูกต้อง​

สำหรับบริษัทขนส่ง ซึ่งมีผู้ประกอบธุรกิจในประเทศไทยไม่ถึง 5 ราย ดังนั้นจึงจะใช้วิธีส่งหนังสือ เพื่อให้ตระหนักถึงการปกป้องข้อมูลของลูกค้า เพื่อไม่ให้นำไปสู่การรั่วไหล​ของข้อมูล

Advertisement

“ในอนาคตจะมีการเปิดให้ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซลงทะเบียนทั้งหมด ตามมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยธุรกรรม​ทางอิเล็กทรอนิกส์​ พ.ศ.2544 (แก้ไขเพิ่มเติม​ พ.ศ.2551)​ ซึ่งจะต้องมีการร่างหลักเกณฑ์ รวมถึงรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ก่อนที่จะบังคับใช้ตามกฎหมาย ทั้งนี้ มาตรา 32 มีมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยมีการบังคับใช้ สาเหตุที่ต้องมีการบังคับใช้เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนไป เรื่องข้อมูลส่วนบุคคลมีความสำคัญ และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการละเมิด รวมถึงรู้ที่มาของการรั่วไหลของข้อมูล” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image