แม่ค้าเฮคนละครึ่งมีต่อ เผยเคยคิดฆ่าตัวตายเพราะขายของไม่ได้
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศร้านค้ารายย่อยในตัวจังหวัดบุรีรัมย์ กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลได้เริ่มใช้ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ร้านค้าที่ไม่สนใจจะเข้าร่วมโครงการในตอนแรก กลับมาสมัครเข้าร่วมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้บรรยากาศตามร้านค้ารวมถึงตลาดสด ต่างคึกคักไปตามๆ กัน
นายไพทูรย์ พูนสวัสดิ์ อายุ 45 ปี เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกในรอบ 6 เดือนที่ได้พาครอบครัวมาร้านอาหารแบบพร้อมหน้า โดยใช้สิทธิคนละครึ่งที่สมัครได้ 3 สิทธิ มาจ่ายค่าอาหาร จากค่าอาหารที่ต้องจ่าย 850 บาท ใช้ 3 สิทธิ ยังเหลืออีก 50 บาท เท่ากับวันนี้จ่ายเงินในการกินข้าวกับครอบครัวเพียง 400 บาท เท่านั้น ถือเป็นการประหยัดได้ถึงครึ่งราคา ยอมรับชอบโครงการนี้มาก
ด้าน นางอัญชลี บุญอุทิศ อายุ 52 ปี เจ้าของร้านจิ๋มจิ้มจุ่ม ถนนจิระ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อนจะมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ร้านก็ขายยากอยู่แล้ว เพราะปัญหาเศรษฐกิจ แต่พอมาเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รายได้ตีเป็นศูนย์ แม้กระทรวงสาธารณสุขจะอนุญาตให้เปิดร้านอาหารได้ก็ไม่ต่างกัน เพราะลูกค้าไม่มากขายพอประทัง โครงการต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา ยังแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด เพราะร้านค้าอยู่ไม่ได้ จนแทบคิดฆ่าตัวตาย
แต่สำหรับโครงการคนละครึ่ง มีลูกค้าทุกระดับ กล้าเข้ามาจับจ่ายซื้อของแบบไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากผู้บริโภคคิดว่า ซื้อของได้ถูกถึง 50% ทำให้ตอนนี้มียอดขายเพิ่มจากเดิมถึงกว่า 70% จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล สานต่อโครงการคนละครึ่งไปอย่างต่อเนื่อง จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นคืนกลับมาเหมือนเดิม