เอ็มจี อีพี สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100%

เอ็มจี อีพี สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100%

เอ็มจี อีพี สเตชั่นแวกอน รถยนต์ไฟฟ้า 100%

ปล่อยหมัดเด็ดอีกครั้ง เมื่อบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ประกาศเปิดตัวรถยนต์รุ่นล่าสุด เอ็มจี อีพี ใหม่ (NEW MG EP) รถสไตล์สเตชั่นแวกอน

หลังจากเอ็มจีสร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการเปิดตัว เอ็มจี แซดเอส อีวี (NEW MG ZS EV) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ในรูปแบบรถยนต์ เอสยูวี สู่ตลาดเมืองไทยในเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา และ เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี (NEW MG HS PHEV) รถยนต์ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (Plug-in Hybrid) เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สำหรับเอ็มจี อีพี เป็นรถแบบสเตชั่นแวกอนขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% รุ่นแรกในประเทศไทย

นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกถึงจุดเด่นของเอ็มจี อีพี ว่า จะเป็นเกณฑ์มาตรฐานสู่บรรทัดฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ผสาน 4 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่

Advertisement

1.มิติตัวถังและพื้นที่การใช้งาน (Dimension) ด้วยจุดเด่นของการเป็นรถสเตชั่นแวกอนที่มีมิติตัวถังขนาดใหญ่ทำให้มีพื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวาง นั่งสบาย และพื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เมื่อพับเบาะหลังจะสามารถเพิ่มพื้นที่ความจุได้มากขึ้น มีพื้นที่ความจุสัมภาระสูงสุด 1,456 ลิตร รองรับการบรรทุกทั้งคนและสิ่งของ

2.ความสะดวกสบายและระบบความปลอดภัย (Convenience & Safety) ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับแอปเปิลคาร์เพลย์ ระบบความปลอดภัยทำงานผสานกันทั้งระบบแอ๊กทีฟและแพสสีฟ เซฟตี้

3.สมรรถนะ (Performance) จากแบตเตอรี่ที่มีความจุขนาด 50.3 kWh ทำให้วิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (ทดสอบตามมาตรฐานความประหยัดพลังงาน New European Driving Cycle-NEDC) และมีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่ 163 แรงม้า มีกำลังเพียงพอต่อการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน

และ 4.ต้นทุนในการเป็นเจ้าของที่ต่ำ (Low cost of ownership) ทั้งค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาต่ำ สามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว

“มีสีตัวถังให้เลือก 3 สี ได้แก่ สีขาว (Arctic White) สีเงิน (Metallic Grey) และสีดำ (Black Knight) โดยจะเปิดราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการที่งาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2020 ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2563 นี้ พร้อมเปิดรับจองภายในงาน และโชว์รูมเอ็มจีทุกสาขาทั่วประเทศ” นายพงษ์ศักดิ์กล่าว

เอ็มจี อีพี ดีไซน์ภายนอกเน้นออกแบบทันสมัย กระจังหน้าแบบซัสเพน วิง กริลล์ (Suspended Wing Grille) ตกแต่งด้วยโครเมียมและเปียโน แบล๊ก (Piano Black) ไฟหน้าแบบโปรเจ็กเตอร์พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน แอลอีดี เดย์ไทม์ รันนิ่ง ไลท์ (LED Daytime Running Light) พร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟท้ายแอลอีดี แบบอิเลคทริก พัลส์ ดีไซน์ (Electric Pulse Design) และไฟเบรก ดวงที่ 3 แบบแอลอีดี ล้ออัลลอย ดีไซน์แบบสปอร์ตขนาด 16 นิ้ว

ตกแต่งภายในด้วยวัสดุผิวสัมผัสนุ่ม (Soft Touch) ดีไซน์เส้นสายแบบ คาร์บ็อกนิกซ์ (CARBOXNYXE) เน้นความประณีต เบาะคู่หน้าออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ (Anti-Curved Surface Design) มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวก อาทิ หน้าจอ ทัชสกรีน ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อกับ แอปเปิล คาร์เพลย์ และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทัล (Digital Multi-Function Display) ขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบปรับอากาศแบบดิจิทัล กระจกมองหลังตัดแสง กระจกไฟฟ้าแบบวันทัช อัพดาวน์ ด้านคนขับ ทำให้การใช้งานง่ายขึ้น

ติดตั้งเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย ประกอบด้วย ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-Lock Braking System) ระบบกระจายแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic Brake Force Distribution)

ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist) ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold) ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System) ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System) ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System) ระบบสัญญาณไฟแจ้งเตือน เมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)

ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ไฟส่องนำทางหลังจากดับเครื่องยนต์ (Follow Me Home Light) จุดยึดเบาะ ไอโซฟิกซ์ (ISOFIX) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือนระยะถอยหลัง และระบบกุญแจนิรภัยแบบอิมโมบิไลเซอร์ (Immobilizer)

สำหรับแบตเตอรี่ของเอ็มจี อีพีได้รับการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น ระดับ IP67 พร้อมด้วยระบบระบายความร้อนแบบ ลิควิด คูลลิ่ง ซิสเทม (Liquid Cooling System) ช่วยให้แบตเตอรี่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ภายใต้สภาวะต่างๆ

ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงแบบเพอร์มาเนนท์ แมกเนต ซิงโครนัส มอเตอร์ (Permanent Magnet Synchronous Motor) ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิด 260 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์ไฟฟ้า สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายใน 8.8 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 185 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาพร้อมรูปแบบการขับขี่ทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่ โหมดนอร์มอล โหมด อีโค และ โหมด สปอร์ต

สามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 2 แบบ คือ ควิกชาร์จ แบบดีซีผ่านหัวชาร์จประเภทซีซีเอส คอมโบ 2 ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0-80% ในระยะเวลาประมาณ 40 นาที และนอร์มอลชาร์จแบบ เอซี ชาร์จพลังงานตั้งแต่ 0-100% ผ่าน เอ็มจี โฮม ชาร์จเจอร์ที่เป็นหัวชาร์จไทป์ทู ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง 15 นาที ระยะเวลาในการชาร์จขึ้นอยู่กับระดับแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จพลังงานในระหว่างการขับขี่กลับเข้าแบตเตอรี่ (Regenerative) ด้วยเคอร์ส โหมด (KERS Mode-Kinetic Energy Recovery System) เลือกระดับการชาร์จพลังงานกลับได้ถึง 3 ระดับ

ระบบกันสะเทือนของช่วงล่างแบบ ยูโร ทูนนิ่ง ซัสเพนชั่น (Euro Tuning Suspension) เสริมด้วยระบบช่วงล่างหน้าแบบแมกเฟอร์สัน สตรัท (MacPherson Strut) พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างหลังแบบทอร์ชั่นบีม

และด้วยจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและค่าบำรุงรักษาต่ำ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

แถมการดูแลรักษาที่ง่าย และมีค่าใช้จ่ายต่ำ ทั้งในเรื่องของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่ได้จากการชาร์จผ่าน เอ็มจี โฮม ชาร์จเจอร์ ง่ายๆ ที่บ้าน สามารถชาร์จจาก 0%-100% และมีค่าใช้จ่ายซึ่งเป็นค่าไฟฟ้าประมาณ 200 บาท (อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 3.96 บาทต่อหน่วย ไม่รวมค่า FT และภาษีมูลค่าเพิ่ม อ้างอิงจากข้อมูลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ณ เดือนมิถุนายน 2563) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาตามระยะทางตลอดระยะเวลา 5 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน จะมีค่าใช้จ่ายรวมไม่เกิน 8,000 บาท

อีกทั้งการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ในระยะยาว เอ็มจีได้นำเทคโนโลยีการเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบโมดูล (Module) มาใช้ ใกรณีหากจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษานั้น สามารถแยกเปลี่ยนเฉพาะโมดูล นั้นๆ ได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทั้งชุด จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้

เป็นอีกทางเลือกแห่งยานยนต์ยุคเทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย

นายพล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image