น.ส.วิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ที่มีนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน มีมติให้กรมการค้าภายในศึกษาและปรับโครงสร้างราคาปาล์มน้ำมันใหม่ ตามที่เกษตรกรปาล์มร้องขอ เนื่องจากพบว่าปัจจุบันส่วนต่างๆ ของผลปาล์มนอกจากน้ำมันปาล์มสามารถทำรายได้ให้ผู้ประกอบการ เช่น ไขปาล์ม เมล็ดปาล์ม น้ำมันในเมล็ดปาล์ม กะลา เป็นต้น จึงอยากให้นำมาคำนวณในการกำหนดราคาแนะนำรับซื้อผลปาล์มใหม่ เพื่อเป็นธรรมต่อภาคเกษตร ซึ่งในเดือนสิงหาคมนี้จะเรียกผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกรมาหารือเพื่อกำหนดราคาแนะนำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน หลังจากนั้นนำเสนอคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณาเห็นชอบ ก่อน กกร.ออกประกาศเป็นราคาแนะนำเพื่อบังคับใช้ต่อไป
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนปฏิรูปปาล์มน้ำมันระยะ 20 ปีตามที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอ ซึ่งมีการกำหนดเป็นแผน 6 ระดับ เป้าหมายตามแผนปฏิรูปคือเพิ่มผลผลิตต่อไร่ จากปัจจุบัน 2.50 ตัน เป็น 3.15 ตัน เพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมัน จากปัจจุบัน 17% เป็น 23% หลังจากนั้นเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คาดว่าจะประชุมเดือนกันยายนนี้เพื่อดำเนินการตามแผนปฏิรูปต่อไป
สำหรับสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน พบว่าแนวโน้มผลปาล์มเดือนกันยายนจะออกสู่ตลาดไม่สูงนัก ประมาณ 8.4 แสนตัน จากปกติ 1-1.2 ล้านตัน/เดือน จึงมีผลต่อราคารับซื้อยังดีเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 5.90 บาท และน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) เฉลี่ย กก.ละ 34 บาท ขณะที่ความต้องการใช้เท่าเดิม 1.4 แสนตัน/เดือน และยังมีสต๊อกน้ำมันปาล์ม 2 แสนตัน
“ปาล์มน้ำมันยังอยู่ในภาวะเฝ้าระวังและอยู่ในบัญชีติดตามใกล้ชิดของกรมการค้าภายในที่ตรวจสอบสถานการณ์ทุกสัปดาห์ แม้ปริมาณยังไม่ตึงตัวและไม่มีผลกระทบราคาขายปลีกเพื่อการบริโภค แต่ยังดูแลเรื่องการขนย้ายน้ำมันปาล์มโดยเฉพาะตามชายแดนไม่ให้เกิดการลักลอบ เนื่องจากราคาในประเทศสูงกว่าราคามาเลเซียที่ราคาซีพีโออยู่ที่ 21 บาท/กก. เชื่อว่าเป็นเพียงระยะสั้นๆ ก่อนผลผลิตออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้นเร็วๆ นี้ อีกทั้งกระทรวงพลังงานก็เตรียมทบทวนผลิตไบโอดีเซลหรือไม่ในเดือนกันยายน โดยปรับจากบี 5 เหลือบี 3 หากสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงต่ำกว่า 2 แสนตัน ” น.ส.วิบูลย์ลักษณ์กล่าว
