‘ศบศ.’ เคาะเพิ่มสิทธิ ‘เราเที่ยวด้วยกัน-กำลังใจ’ พร้อมออก ‘เที่ยวไทยวัยเก๋า’ กระตุ้นผู้สูงวัยเที่ยวเพิ่ม

‘ศบศ.’ เห็นชอบเพิ่มสิทธิ ‘เราเที่ยวด้วยกัน-กำลังใจ’ พร้อมออก ‘เที่ยวไทยวัยเก๋า’ กระตุ้นผู้สูงวัยเที่ยวเพิ่ม

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ททท.ได้ข้อเสนอการปรับปรุงโครงการ”เราเที่ยวด้วยกัน โดยปรับเงื่อนไขขอบเขตการใช้สิทธิจำนวนการจองห้องพักเพิ่มเติม และขยายเวลาใช้มาตรการ ได้แก่ จากเดิมประชาชนจองที่พักได้ไม่เกิน 10 คืน ต่อ 1 สิทธิ สามารถจองที่พักเพิ่มอีก 5 คืน เป็น 15 คืน ต่อ 1 สิทธิ เพิ่มจำนวนห้องพักสำหรับประชาชนอีก 1 ล้านคืน เป็น 6 ล้านคืน จากเดิม 5 ล้านคืน โดยจำนวนห้องพักที่เพิ่มมาจะสนับสนุนเฉพาะการใช้ผ่านอีวอชเชอร์เท่านั้น คือ วันจันทร์-พฤหัสบดี ได้คูปองใช้จ่าย 900 บาทต่อวัน วันศุกร์-อาทิตย์ 600 บาทต่อวัน ขยายระยะเวลาการใช้สิทธิโครงการถึง เดือนเมษายน 2564 และขยายระยะเวลาการเบิกจ่ายโครงการ ถึงเดือนมินายน 2564 โดยที่ประชุมได้เห็นชอบในหลักการตามที่เสนอไป ขั้นตอนต่อจากนี้ จะนำเสนอเข้าคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้เงินกู้ และนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป

“รวมถึงได้ปรับเกณฑ์การสนับสนุนค่าบัตรโดยสารเครื่องบิน โดยให้การจองบัตรโดยสารเครื่องบินที่เดินทางไปเฉพาะเมืองหลัก ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา สงขลา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ และเชียงราย ในการเดินทางท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะได้รับเงินคืนจากรัฐบาล 40% แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อที่นั่ง และการกำหนดหลักเกณฑ์การลาสำหรับข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ให้สามารถลาพักผ่อนในวันธรรมดาเพิ่มได้ 2 วัน แบบไม่ถือเป็นวันลา เมื่อใช้สิทธิในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทั้งยังปรับปรุงโครงการกำลังใจ โดยเพิ่มสิทธิสำหรับเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุข สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร จำนวน 570 คน และเจ้าหน้าที่หัวหน้างานสาธารณสุขมูลฐานและงานสุขภาพ ภาคประชาชนระดับจังหวัดแลระดับอำเภอ กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2,615 คน ให้สามารถเข้าร่วมโครงการกำลังใจได้ และขยายเวลาการดำเนินโครงการ จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ตุลาคม 2563 เป็น วันที่31 มกราคม 2564 และขยายระยะเวลการเบิกจ่ายเป็นวันที่ 31 มีนาคม 2564 แทน ” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ความคืบหน้าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะนี้มีผู้ลงทะเบียนรวม 6.76 ล้านคน ลงทะบียนสำเร็จแล้ว 6.44 ล้านคน แบ่งเป็นมีผู้ใช้สิทธิโรงแรมแล้ว 4,006,805 สิทธิ มูลค่าห้องพักที่จองทั้งหมด 10,961.3 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยห้องพักต่อคืนที่จอง อยุ่ที่ 2,778 บาท จำนวนโรงแรมที่มีการจองทั้งสิ้น 4,888 แห่ง ผู้ที่ได้รับคูปองอาหาร 863,162 ราย รวมมียอดใช้จ่ายทั้งหมด 3,510.4 ล้านบาท และมีผู้เข้าใช้บริการ หรือแชกอินที่โรงแรมที่พักแล้ว 1,417,269 ห้อง ส่วนตั๋วเครื่องบิน ขณะนี้มีมีผู้ลงทะเบียนได้รับสิทธิเงินคืนค่าบัตรโดยสารเล้ว 97,862 ราย จำนวนการจองผ่านการตรวจสอบ อยู่ที่ 123,912 สิทธิ จำนวนบัตรโดยสารหรือผู้โดยสารที่ได้รับสิทธิแล้ว 216,866 สิทธิ มีมูลค่าบัตรโดยสารที่ได้รับสิทธิประมาณ 565.3 ล้านบาท ส่วนโรงแรมและที่พัก มีผู้ลงทะเบียนรวม 8,128 แห่ง ร้านอาหาร ลงทะเบียนรวม 65,429 ร้าน สถานที่ท่องเที่ยว ลงทะเบียนรวม 1,959 แห่ง ร้านค้าโอทอป ลงทะเบียนรวม 1,314 แห่ง

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังออกแพคเกจส่งเสริมการท่องเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุ ภายใต้ชื่อ “เที่ยวไทยวัยเก๋า” ใช้วงเงินงบประมาณ 5,000 ล้านบาท โดยให้เบิกจ่ายในวงเงินงบประมาณเดิมภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยเที่ยวไทยวัยเก๋าใช้รูปแบบการดำเนินงานและแพลตฟอร์มโครงการกำลังใจ โดยมีเงื่อนไขคือ ผู้เข้าร่วมโครงการต้องเป็นผู้ที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป เดินทางท่องเที่ยวข้ามจังหวัดในวันธรรมดา (วันอาทิตย์-วันพฤหัสบดี) ผ่านบริษัทนำเที่ยว โดยมีราคาแพคเกจทัวร์เริ่มต้นขั้นต่ำ 12,500 บาท ระยะเวลาการเดินทางท่องเที่ยวอย่างน้อย 3 วัน 2 คืน โดยผู้เข้าร่วมโครงการต้องแสดงตนเพื่อรับสิทธิผ่านแอพพลิเคชั่นธนาคารกรุงไทย และบริษัทนำเที่ยวที่เข้าร่วมโครงการ จะต้องจดทะเบียนก่อนวันที่ 1 มกราคม 2563 ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวผ่านบริษัทนำเที่ยวในกลุ่มผู้สูงอายุ เป้าหมาย 1 ล้านคน จำนวน 5,000 บาท ต่อ 1 ท่าน โดยบริษัทนำเที่ยวสามารถรับนักท่องเที่ยวได้บริษัทละ 3,000 ราย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image