จอดป้ายประชาชื่น : จับตาค่าบาท

จอดป้ายประชาชื่น:จับตาค่าบาท นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ค่าเงินบาท

จอดป้ายประชาชื่น : จับตาค่าบาท

นับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นต้นมา ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในโทนแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากตลาดตอบรับข่าวดีในเรื่องความชัดเจนทางการเมืองสหรัฐ นายโจ ไบเดน ได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และความคืบหน้าเกี่ยวกับวัคซีนต้านโควิด-19 ที่บริษัทพัฒนาวัคซีนออกมาระบุว่า มีประสิทธิภาพในการรักษาคนได้กว่า 90% ประกอบกับราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น ทำให้นักลงทุนโยกเม็ดเงินจากสินทรัพย์ปลอดภัย เข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง

รายงานจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ตลาดหุ้นไทยวันที่ 9-25 พฤศจิกายน มีมูลค่าซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 43,610.03 ล้านบาท สถานะซื้อสุทธิต่อเนื่อง 11 วัน และมีสถานะขายสุทธิเพียง 2 วัน

กรณีนี้ ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มองว่า แม้ตลาดจะขึ้นมามากในเดือนพฤศจิกายน แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากกระแสเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ที่ยังมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่องในเดือนธันวาคม อีกประมาณ 3-4 หมื่นล้านบาท

Advertisement

การที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าเงินบาทกลับมาเคลื่อนไหวในโซนแข็งค่า จากวันที่ 1 พฤศจิกายน อยู่ที่ระดับ 31.15 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 30.16 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ในวันที่ 30 พฤศจิกายน

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ จึงออก 3 มาตรการ สกัดบาทแข็ง ได้แก่ 1.เปิดให้คนไทยฝากเงินตราต่างประเทศได้เสรี 2.ปรับกฎเกณฑ์และกระบวนการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ ทั้งในมิติของวงเงินและผลิตภัณฑ์ที่ลงทุนได้ เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับคนไทยและสนับสนุนให้มีการกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้มากขึ้น และ 3.การลงทะเบียนแสดงตัวตนเพื่อซื้อขายตราสารหนี้

พร้อมย้ำว่าจะติดตามการเคลื่อนไหวของเงินบาทใกล้ชิด และจะใช้เครื่องมือดูแลค่าเงินไม่ให้แข็งค่าเพิ่มเติม โดยยืนยันว่าค่าเงินบาทแข็งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจ

Advertisement

ไม่สอดคล้องกับภาคเอกชน ที่หวั่นเกรงว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่า จะทำให้การค้าขายระหว่างประเทศต้องเหนื่อยกว่าเดิม ส่งต่อผลกระทบโดยตรงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

มาดูกันว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวทิศทางใดภายใต้การดูแลของแบงก์ชาติยุคนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image