‘ทีพีไอ โพลีนฯ’ ยันปี 64 กำไรโตต่อ ไม่หวั่นโควิดทำล็อกดาวน์ พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนุนโยบายรัฐ

‘ทีพีไอ โพลีนฯ’ ยันปี 64 กำไรโตต่อ ไม่หวั่นโควิดทำล็อกดาวน์ พร้อมประมูลโรงไฟฟ้าขยะหนุนโยบายรัฐ

นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 จะดีกว่าในปี 2563 เนื่องจากบริษัทฯ สามารถผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้สูงขึ้น หลังจากการติดตั้งหม้อต้มน้ำเพิ่มเติมแล้วเสร็จในปี 2563 โดยในส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/2563 บริษัทฯ แจ้งว่าการที่โรงปูนของทีพีไอโพลีนฯ มีการปิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อกำไรมากนัก เนื่องจากรายได้และกำไรส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มาจากการขายไฟให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีรายได้จากโรงไฟฟ้ารวม 2,877.7 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก กฟผ. 2,239.4 ล้านบาทคิดเป็นประมาณ 78% รายได้จาก บมจ.ทีพีไอโพลีน 629.8 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 22% และอื่นๆ อีก 8.5 ล้านบาท ไม่ถึง 1%

“ปี 2564 จะมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอีก เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ตามที่บริษัทฯ ได้เคยสัญญามาตลอดในปีที่แล้ว (2562) โดยการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตถือเป็นการเติบโตในระยะสั้นของบริษัทฯ ซึ่งปีหน้าจะเริ่มเห็นผลตั้งแต่ต้นปี นอกจากนี้ การเติบโตในระยะกลาง หรือการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะต่างๆ และการเติบโตในระยะยาว เรื่องโครงการ “เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต” หรือ Giga Project ก็มีความคืบหน้ามาตลอดตามลำดับ” นายภัคพล กล่าว

นายภัคพล กล่าวว่า สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2564-2566 บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลโครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะตามจังหวัดต่างๆ ตามนโยบายของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯ ได้ติดตามความคืบหน้า 12 โครงการรวม 143 เมกกะวัตต์ โดยมี 2 โครงการที่มีความชัดเจนแล้วคือ โครงการในจังหวัดสงขลา (8 เมกกะวัตต์หรือมากกว่า) โครงการในจังหวัดโคราช (9.9 เมกกะวัตต์) โดยทั้งสองโครงการคาดว่าจะได้ขายเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2566 ในส่วนของโครงการในจังหวัดสระบุรี (40 เมกกะวัตต์) บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถขายได้ช่วงต้นปี 2565 สำหรับ 9 โครงการที่เหลืออยู่ ยังต้องรอความชัดเจนจากทางภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปี 2564 ทั้งหมด

“ปัจจุบันทางบริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) กับทาง กฟผ.อยู่ 3 สัญญา รวม 163 เมกกะวัตต์ และในปี 2565-2566 จะมีการขายเชิงพาณิชย์โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะเพิ่มเติม ซึ่งโครงการทั้งหมดยังไม่ได้รวมการพัฒนาโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งได้มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2563 ได้อนุมัติให้ตั้งโรงไฟฟ้าขนาด 3,700 เมกกะวัตต์ขึ้น โดยเป็นโรงไฟฟ้า 1,700 เมกกะวัตต์จากก๊าซธรรมชาติ (แอลเอ็นจี) และ 2,000 เมกกะวัตต์ จากพลังงานหมุนเวียนในโครงการ ‘เมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต’ ตามที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เสนอตามนโยบายของ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เพื่อความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจะเริ่มทำรายได้ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า” นายภัคพล กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image