ธ.ก.ส. เปิดโครงการสินเชื่อชะลอขายข้าวเปลือกนาปี พร้อม โอนเงินเกษตรกรกลุ่มแรก

เกษตรกรปลูกข้าวเฮ ธ.ก.ส. เปิดโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 พร้อมโอนเงินโครงการชะลอข้าวเปลือกนาปีแก่เกษตรกรกลุ่มแรก

วันนี้ 15 ธันวาคม ที่หอประชุมโรงเรียนตาคงวิทยา รัชมังคลาภิเษก บ้านตาคง ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ นายอดิเทพ กมลเวชช์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เป็นประธานเปิดโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนา การผลิต 2563/64 โดย สำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดสุรินทร์ และจ่ายเงินประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2563/64 ให้แก่เกษตรกรในจังหวัดสุรินทร์ รวมทั้งจ่ายเงินเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64เพื่อชะลอข้าวไว้ในยุ้งฉางเกษตรกร กลุ่มแรกในจังหวัดสุรินทร์ สร้างความดีใจให้กับเกษตรกรที่ได้รับเงินเป็นอย่างมาก

ตามที่รัฐบาลได้อนุมัติโครงการและงบประมาณ เพื่อดำเนินโครงการ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี 2563/64 และโครงการสินเชื่อโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2563/64 รอบที่ 1 พร้อมมาตรการเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกรปี 2563/64 ด้านกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินตามโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกปี 2563/64 นอกจากนี้มีโครงการสนับสนุนคำบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูก ข้าวซึ่งทั้ง โครงการและมาตรการคู่ขนานเป็นการดูแลรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกช่วยให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ให้มีรายได้ที่มั่นคง เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม เป็นธรรม คุ้มค่า ในส่วนผลการดำเนินโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2563/64

เบื้องตันคณะรัฐมนตรีอนุมัติประมาณเมื่อ 3 พ.ย. 2563 ไว้จำนวน 18,096.06 ล้านบาท ต่อมาราคาข้าวเปลือกมีแนวโน้มตก ทำให้วงเงินที่อนุมัติไว้ไม่เพียงพอ โดยคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2563 เพิ่มเติมอีกรวมเป็น 46,807.35 ล้านบาท ธ.ก.ส. ดำเนินการโอนเงินชดเชยส่วนต่าง ให้แก่เกษตรกรในงวดที่ 1 ไปแล้ว 786, 219 ครัวเรือน เป็นเงิน 9,128.05 ล้านบาท งวดที่ 2 จำนวน 642,915 ครัวเรือน เป็นเงิน 6,13248 ล้านบาท และในงวดที่ 3 จำนวน 786,219 ครัวเรือน เป็นเงิน 9,128.05 ล้านบาท โดยเป็นเกษตรกรใน จ.สุรินทร์ 118,318 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,509.52 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ยังมีเกษตรกรที่ยังไม่ได้รับเงินชดเชยตามสิทธิ ในงวดที่ 4 – 5 อีก 2,606,194 ครัวเรือนเป็นเงิน 21,3663 ล้านบาท ซึ่งวงเงินชดเชยดังกล่าวอยู่ในกรอบวงเงินเพิ่มเติมที่ ครม.อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้วจึงขอให้เกษตรกรมั่นใจว่า จะได้รับเงินส่วนต่างประกันรายได้ตามสิทธิ์อย่างแน่นอน

Advertisement

ในส่วนโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64วงเงิน 28,046 ล้านบาท จ่ายผ่านบัญชีของเกษตรกรโดยตรง ภายในวันที่ 5 ธ.ค. 2563 โดยจะมีเกษตรกรได้รับประโยชน์ประมาณ 4.30 ล้านครัวเรือน เป็นเงิน 24,913.77ล้านบาท เป็นเกษตรกรใน จ.สุรินทร์ 202,034 ครัวเรือน เป็นเงิน 1,271.34 ล้านบาท

พร้อมทั้งมีมาตรการคู่ขนานโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น 35,999.26 ล้านบาท ดังนี้ โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 (โดย ธ.ก.ส.) เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกร ให้เกษตรกรเข้ามามีบกบาทในการช่วยดูดซับปริมาณข้าวเปลือกในตลาด ธ.ก.ส. ให้วงเงินสินเชื่อต่อตัน โดยจ่ายสินเชื่อโครงการฯ กำหนดข้าวเปลือกที่เข้าร่วมโครงการฯ ณ ความชื้นไม่เกินร้อยละ 15 สิ่งเจือปนไม่เกินร้อยละ 2 ซึ่งข้าวเปลือกชนิดสีได้ต้นข้าวต่ำกว่า 20 กรัม ไม่รับเข้าร่วมโครงการ และข้าวหอมมะลิจะมีเมล็ดข้าวแดงได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 (ไม่เกิน 22เมล็ดใน 100 กรัม) ซึ่งวงเงินสินเชื่อในส่วนข้าวหอมมะลิจะอยู่ที่ประมาณตันละ 10,400 – 11,000 บาทตามเปอร์เซ็นต์ข้าว วงเงินกู้เกษตรกรไม่เกินรายละ 300,000 บาท นอกจากนี้ยังมีค่าฝากเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือกในอักตรา 1,500 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกที่เกษตรกรเข้าร่วมโครงการจะได้รับอีกด้วย ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2563 – 28 ก.พ. 2564

Advertisement

นายสายันต์ พูนศิริ ผู้อำนวยการสำนักงาน ธ.ก.ส. จังหวัดสุรินทร์ กล่าวว่า ธกส.จังหวัดสุรินทร์ ได้ทำการเปิดตัวโครงการตามนโยบายของรัฐบาล 3 โครงการ ประกอบด้วยโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกข้าว ,โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2563/64 (โดย ธ.ก.ส.) เพื่อชะลอข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเกษตรกร และโครงการบริหารจัดการข้าว ซึ่งโครงการประกันรายได้ในปีนี้ถือว่า เป็นโอกาสดีของพี่น้องเกษตรกร โดยประกาศราคาล่าสุดอยู่ที่ตันละ 12,000 บาท ทำให้เกษตรกรมีส่วนต่างตันละ 3,000 บาท มีเงินเข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้วมากกว่า 1,200 ล้านบาท ส่วนโครงการชะลอสินเชื่อการขายข้าว ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะชะลอการขายข้าวเปลือกออกสู่ตลาดในช่วงเวลาเดียวกันมากเกินไป เป็นการนำข้าวเปลือกเข้าไปเก็บไว้ในยุ้งฉาง เป็นการเข้าร่วมโครงการ เกษตรกรจะได้รับเงินสินเชื่อตันละ 11,000 บาท กรณีที่ข้าวมีคุณภาพ 36 กรัมขึ้นไป และข้าวต้องมีคุณภาพที่ 20 กรัมขึ้นไปถึงจะเข้าร่วมโครงการได้ หากข้าวเปลือกต่ำกว่า 36 กรัมลงมาก็จะปรับลดไปกรัมละ 200 บาท แต่ว่าสิ่งที่เกษตรกรจะได้รับเพิ่มนอกเหนือจากสินเชื่อคือจะได้รับค่าฝากเก็บและรักาคุณภาพข้าวเปลือกในอัตรา 1,500 บาทต่อตัน เป็นโครงการที่ 2 ที่ได้ช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกข้าวกว่า 3 ล้านไร่ คาดว่าจะเข้าโครงการอยู่ที่ 42,000 ครัวเรือน ปริมาณข้าว 280,000 ตัน วงเงินกว่า 3 พันล้านบาท โดยเกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 นี้ ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เกษตรกรอยู่ในขั้นตอนรักษาคุณภาพข้าว หลังจากตากข้าวแล้วก็จะเข้าสู่ขบวนการตรวจสอบ โดยกลุ่มเกษตรกรอำเภอสังขะเป็นกลุ่มแรกที่เข้าร่วมโครงการและได้รับเงินสินเชื่อโดอนเข้าบัญชีแล้ว ที่เหลือน่าจะทยอยเข้ามา คาดว่าจะมีเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์เข้าร่วมโครงการนี้ประมาณ 2,000 กว่าครัวเรือน

ก็อยากฝากไปยังเกษตรกรในตอนนี้ก็ขอให้เก็บข้าวเปลือกนำขึ้นยุ้งฉาง แล้วส่งรายชื่อมายัง ธกส.สาขา ทุกสาขา เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้รีบไปดำเนินการ ซึ่งตอนนี้เรายอมรับว่ายังไม่ได้ข้อมูลจากเกษตรกร ก็ได้ประชาสัมพันธ์ไปยังผู้นำหมู่บ้าน ให้รวบรวมรายชื่อเกษตรกร เพื่อที่เราจะได้ไปดำเนินการให้เกษตรต่อไป

ส่วนโครงการบริหารจัดการคุณภาพข้าว ซึ่งได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรไปแล้วไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งได้โอนบัญชีเข้าไปให้เกษตรกรแล้วมากกว่า 1 พันล้านบาท เป็น 3 โครงการที่จะะช่วยให้เกษตรกรในจังหวัดสุรินทร์มีรายได้ สามารถที่จะดูแลคุณภาพชีวิตก่อนที่จะนำข้าวออกสู่ท้องตลาด

ด้านนายสมิต ชาญชัย เกษตรกรบ้านตาคง กล่าวว่า ตนเองดีใจมากที่เข้าร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าว เพื่อชะลอข้าวไว้ในยุ้งฉางเกษตรกร ของ ธกส. ดีกว่าที่จะนำข้าวไปขายให้กับภาคเอกชนที่ได้ราคาไม่ดี ถูกกดราคา แต่เมื่อเข้าโครงการได้ราคาดีและได้รับส่วนต่างเพิ่ม และทาง ธกส.ก็ได้โอนเงินเข้ามาในบัญชีแล้ว ดีใจมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image