เคอรี่ ชูจุดแข็งดึงดูดนักลงทุน เคาะราคาขายหุ้น IPO 28 บาท เล็งเข้าเทรดวันแรก 24 ธ.ค.นี้
นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ย้อนกลับไปสู่วันแรกที่ยังไม่มีใครรู้จักชื่อ ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ กระทั่งปัจจุบันที่ชื่อนี้กลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย จนกลายเป็น ‘บริษัทจัดส่งพัสดุเอกชน รายแรก’ ที่เป็นที่ยอมรับ ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่ให้บริการจัดส่งพัสดุถึงในวันถัดไป (เน็กซ์เดย์) และเป็นผู้ให้บริการส่งพัสดุเก็บเงินปลายทาง (ซีโอดี) รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 6,500 ล้านบาท ซึ่งในมูลค่าดังกล่าว แบ่งเป็นการรับชำระด้วยเงินสด ไลน์เพย์ รวมถึงคิวอาร์โค้ด พร้อมเพย์ของทุกธนาคาร โดยการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าสูงสุด
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของสโลแกนว่า Thailand Best Service หรือบริการจัดส่งพัสดุที่ดีที่สุด ที่มอบคุณภาพสูงสุดให้กับผู้ใช้บริการ โดยมี 3 คำ ที่จะให้กับ ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ คือคุณภาพ คุณภาพ และคุณภาพ
มีการบริการจัดส่งพัสดุแบบเน็กซ์เดย์ครอบคลุมพื้นที่ในประเทศไทยกว่า 99.99% ส่วนอีก 00.01% เป็นบริการรูปแบบอื่น ซึ่งเราพยายามจัดส่งรูปแบบนี้ให้กับผู้ใช้บริการทุกพื้นที่ ทุกรหัสไปรษณีย์ ทุกหนแห่ง เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับพัสดุรวดเร็วที่สุด พยายามสร้างคุณภาพ และบริการควบคู่กัน ด้วยบริการดังกล่าวทำให้ผู้ใช้บริการ อาทิ พ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ เกิดความเชื่อมั่นในการบริการ ส่งผลให้มียอดการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน มีอัตราการส่งคืนพัสดุต่ำกว่า 1.5% และอัตราพัสดุชำรุดเสียหายต่ำ
‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ ไม่ใช่ขนส่ง ไม่ใช่โลจิสติกส์ แต่เป็นเอ็กซ์เพรสแบบด่วน และเป็นโมเดลแบบ Hub and Spoke ที่สามารถเพิ่มปริมาณพัสดุได้ ในโครงสร้างพื้นฐานเดิม ทำให้ปริมาณพัสดุที่เพิ่มขึ้น ในศูนย์กระจายเดิม และศูนย์คัดแยกเดิม ยังสามารถเพิ่มปริมาณได้ ซึ่งเรียกว่า Capacity Management คือ การบริหารให้สามารถจัดส่ง และรองรับพัสดุในปริมาณที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม การใส่ใจในการพัฒนานวัตกรรม ตั้งแต่เริ่มต้นทำให้ ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ เป็นรายแรกในหลายเรื่อง อาทิ การบริการจัดส่งพัสดุแบบเน็กซ์เดย์ การบริการจัดส่งพัสดุแบบวันเดียวถึง (เซมเดย์) รวมถึงเป็นรายแรก เป็นผู้ให้บริการซีโอดี ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น เราจะเป็นรายแรกที่สร้างนวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการจัดส่งพัสดุให้กับประเทศ
นายวราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจมีจุดแข็ง อาทิ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีปริมาณการจัดส่งพัสดุทั้งสิ้น 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งมีผู้ใช้บริการทั้งผู้ประกอบธุรกิจและผู้บริโภคที่หลากหลาย ในรูปแบบธุรกิจแบบซีทูซี บีทูซี และบีทูบี รวมถึงบริษัทด้านอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย, มีบริการจัดส่งพัสดุภายในวันเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและบางพื้นที่ในต่างจังหวัด, อัตราการจัดส่งพัสดุตรงตามเวลาของบริษัทอยู่ในระดับ 99% นอกจากนี้ ยังมีการเติบโตที่รวดเร็ว (ข้อมูลจาก Frost & Sullivan) โดยในปี 2557-2562 มีอัตราการเติบโตสะสม 134.9% ต่อปี จากการเพิ่มขีดความสามารถในการคัดแยกพัสดุอย่างต่อเนื่อง จากจำนวน 1.6 ล้านชิ้นต่อวัน (31 ธันวาคม 2561) เป็น 1.9 ล้านชิ้นต่อวัน (30 กันยายน 2563)
ทั้งนี้ ปี 2562 มีรายได้ (จากการขายและการให้บริการ) 19,782 ล้านบาท เติบโต 72.8% จากปี 2560 ที่มีมูลค่า 6,626 ล้านบาท ขณะที่ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีรายได้ 14,689 ล้านบาท ขยายตัว 0.2% จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 14,655 ล้านบาท แบ่งเป็น การจัดส่งพัสดุแบบซีทูซี 53.9% การจัดส่งพัสดุแบบบีทูซี 44.3% การจัดส่งพัสดุแบบบีทูบี 1.7% และรายได้จากการโฆษณา 0.1%
ขณะที่ กำไรสุทธิระหว่างปี 2560-2562 ขยายตัวที่ 34.9% โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 มีกำไรสุทธิ 1,030 ล้านบาท ขยายตัว 14.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 900 ล้านบาท
และด้วยความแข็งแกร่งดังกล่าว ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ จึงประกาศราคาขายหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้น ที่ราคา 28 บาทต่อหุ้น จากช่วงราคาที่เสนอขายเบื้องต้น 25-28 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้น คาดพร้อมเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ประมาณวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ KEX หลังนักลงทุนสถาบันแสดงความต้องการจองมากกว่า 23 เท่า และประมาณ 10 เท่า จากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเจาะจงของจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ ซึ่งจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งนี้ไปใช้ขยายธุรกิจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ชำระคืนเงินกู้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ