‘ตลท.’ แจงหุ้นดิ่งแรง เหตุกังวลโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ สถาบันเทขายสวนทางต่างชาติเข้าซื้อหนัก

‘ตลท.’ แจงหุ้นดิ่งแรง เหตุกังวลโควิด-19 ระบาดรอบใหม่ สถาบันเทขายสวนทางต่างชาติเข้าซื้อหนัก

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทย (21 ธันวาคม) ดัชนีปิดร่วงรุนแรง สาเหตุหลักมาจากความวิตกสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก (แพนิก) จึงเห็นภาพในช่วงเช้าเปิดมาติดลบทันที 3.6% และร่วงลงแรงต่อเนื่องในภาคบ่าย และก่อนปิดตลาด เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปเปิดทำการมาดิ่งลงเกือบ 3% จึงเป็นบรรยากาศเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย โดยตลท.ได้ติดตามและดูแลภาวะตลาดหุ้นอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เนื่องจากเชื่อว่าหากดูข้อมูลให้ชัดเจน จะสามารถใช้กฎระเบียบที่เหมาะสมในการดูแลได้ โดยในขณะนี้ยังไม่พบความผิดปกติ และคาดว่าสถานการณ์กังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อภาวะตลาดในระยะสั้น จึงยังไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการพิเศษในการควบคุมดูแลภาวะตลาด หรือมาตรการชั่วคราวที่เคยใช้เมื่อตลาดเกิดความผันผวนหนัก จากการระบาดของเชื้อโควิด-19 เหมือนในรอบแรก อาทิ เกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์ ชอร์ตเซล โดยขณะนี้ยังไม่มีความผิดปกติในการซื้อขาย ประเมินจากการติดตามตลอดทั้งวัน

“ความน่าสนใจคือ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,780 ล้านบาท และรายย่อยซื้อสุทธิ 7,769.07 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 7,352.90 จุด และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ 4,196.93 จุด ส่วนธุรกรรมที่ชอร์ตเซลอยู่ที่ 4% และโปรแกรมเทรดดิ้งอยู่ที่ 22% ไม่ได้พบความผิดปกติ หรือเปลี่ยนแปลงไปมากนัก โดยการเข้าซื้อของต่างชาติ ยังมีปริมาณมาก เนื่องจากเขื่อว่านักลงทุนต่างขาติเข้าใจสถานการณ์ดี เมื่อเปรียบเทียบไทยกับประเทศอื่น เชื่อว่าสามารถควบคุมได้ และไม่ได้รุนแรงกว่าประเทศอื่น ทำให้ยังต้องการเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง ทั้งที่มีข้อมูลออกมาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่ามีการพบโควิด-19 ระบาดใหม่ โดยมองว่าต่างชาติมีความเข้าใจเรื่องโควิด-19 สถานะทางเศรษฐกิจไทยของไทย รวมถึงการทำธุรกิจของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เริ่มมีความแข็งแรงขึ้น ไม่ได้เป็นภาพเหมือนช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมาแล้ว” นายภากร กล่าว

นายภากร กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ตลท.เน้นย้ำมากที่สุดคือ การกำกับดูแลให้การซื้อขายเป็นอย่างราบรื่นที่สุด โดยเฉพาะบริการซื้อขาย ชำระเงิน และส่งมอบหลักทรัพย์ เนื่องจากปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นค่อนข้างมาก โดยบุคลากรของตลท.จะทำงานแยกชัดเจน เพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น สะท้อนจากในอดีตที่แม้จะมีการซื้อขายมากกว่า 2 แสนล้านบาท แต่ระบบก็ยังสามารถรองรับได้ดี ส่วนปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นในระบบสตรีมมิ่งเช้านี้ มองว่าระบบการซื้อขายออนไลน์ทั่วโลกไม่มีระบบอะไรที่ให้บริการได้ 100% โดยไม่มีข้อผิดพลาด เมื่อมีคำสั่งซื้อเข้ามามากทำให้ระบบช้าลง โดยในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายแต่ละวันปรับตัวสูงขึ้นมาก ระบบสตรีมมิ่งแยกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาเป็นระบบออนไลน์กลาง เพื่อให้อุตสาหกรรมให้บริการด้วยราคาเหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ส่วนผลกระทบหากมีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง ตลท.มองว่าประสิทธิภาพการดูแลด้านสาธารณสุขของไทย เป็นประเทศที่สามารถทำได้ดีที่สุดของโลก อัตราส่วนคนติดเชื้อและคนหายป่วยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ไม่ได้มองว่าจะมีการปิดล็อกดาวน์ทั้งประเทศอีกครั้ง และจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย เพราะประสิทธิภาพที่ทำได้ดีมาตลอด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image