“สุพัฒนพงษ์”ชมผู้แสดงตัวติดโควิด กระตุ้นคนไทยรับมือ ลุ้นคุมสถานการณ์เร็ว เป็นความสำเร็จของประเทศ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดจากกลุ่มแรงงานเมียนมา จ.สมุทรสาคร และคนไทยที่สัมผัส ว่า ขอติดตามสถานการณ์หลังจากนี้อีก 7-14 วันว่าจะเป็นเช่นไร จะลุกลาม หรือสามารถควบคุมได้ หากคุมสถานการณ์ได้จะเป็นความสำเร็จของประเทศ ที่ใช้เวลาสั้นมาก เมื่อเทียบกับประเทศสิงคโปร์ที่เกิดเหตุการณ์คล้ายกันมีการติดระลอก2 จากแรงงานต่างด้าวแต่ใช้เวลาควบคุมนานถึง 4 เดือนจึงสงบ ทั้งนี้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะถึงขึ้นต้องล็อกดาวน์ประเทศหรือไม่เป็นเรื่องที่ประชาชนต้องช่วยกัน เพราะรู้ดีกว่าผลกระทบเป็นอย่างไร หากไม่ช่วยกัน ล่าสุดมีหลายคนออกมาแสดงตัวหลังพบว่าตนเองติดโควิด-19 อาทิ เจ้าของร้านสมศักดิ์ ปูอบ สาขาบีทีเอสกรุงธนบุรี รวมทั้งเจ้าของร้านกาแฟที่สัมผัส ร้านสมศักดิ์ ปูอบ ประเด็นนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยตื่นตัว เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมว่าไทยจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้
“จากเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำอยู่ ทั้งคนละครึ่ง เที่ยวด้วยกัน เพราะมาตรการเหล่านี้เดินหน้าไปแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจไทยปีนี้ก็แน่ชัดว่าคงติดลบระดับ 7% ถึง 6% ส่วนปีหน้าเติบโตแน่นอน เพราะปีนี้ฐานต่ำ ส่วนจะเท่าไร ไม่ได้โฟกัสมาก เพราะไทยยังต้องเผชิญโควิดไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน เพราะจะได้วัคซีนใช้กลางปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะยังคงขับเคลื่อนด้วยการบริโภคในประเทศ การส่งออก การลงทุนจากภาครัฐ ทั้งนี้ส่วนตัวคาดหวังเศรษฐกิจไทยปี 2565 ว่าจะต้องเป็นปีที่เกิดการลงทุนจริงในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อบิดประเทศไปสู่เศรษฐกิจรูปใหม่ตามเทรนด์โลก อาทิ ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัล อุตสาหกรรมปลอดคาร์บอน มุ่งเน้นพลังงานสะอาด”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว