‘บัวหลวง’ มองปี 64 หุ้นไทยกลับมาสดใสแน่ หลังมองโควิด-19 กระทบระยะสั้น ให้เป้าดัชนี 1,550 จุด

‘บัวหลวง’ มองปี 64 หุ้นไทยกลับมาสดใสแน่ หลังมองโควิด-19 กระทบระยะสั้น ให้เป้าดัชนี 1,550 จุด

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปี 2564 ประเมินเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,550 จุด คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไร (ค่าพีอี) ที่ 18.00 เท่า และคิดเป็นกำไรต่อหุ้น (อีพีเอส) ที่ 86.00 บาท จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าดัชนีจะปิดในระดับ 1,430 จุด และอีพีเอสที่ 76 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าปีหน้าถือเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยจะเริ่มฟื้นตัวขึ้น จึงยังชื่นชอบและแนะนำให้ลงทุนในหุ้นไทยได้ เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนมาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัว โดยประเมินเป้าจีดีพีปี 2564 เติบโต 4.4% เนื่องจากประเทศไทยได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของการค้าระหว่างประเทศ รัฐบาลอัดฉีดมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะเริ่มฉีดในภูมิภาคเอเชียช่วงกลางปีหน้า ส่วนการระบาดโควิด-19 ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร จนต้องล็อกดาวน์ไปนั้น เบื้องต้นถือเป็นปัจจัยกดดันระยะสั้น เนื่องจากเชื่อว่าการรับมือกับการแพร่ระบาดรอบนี้ ทั้งภาครัฐและประชาชนทำได้ดีกว่าครั้งก่อน จึงเห็นว่าราคาหุ้นที่ได้อานิสงส์จากไวรัส อาทิ ถุงมือยาง ไม่ได้ปรับขึ้นหวือหวามากนัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการแพร่ระบาดรอบนี้เป็นเพียงปัจจัยชั่วคราวเท่านั้น และให้น้ำหนักกับการค้นพบวัคซีนป้องกันโควิด-19 มากกว่า

“ภาพรวมแนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกกลับมาฟื้นตัวขึ้น รวมถึงมีการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางทั่วโลก ส่งผลให้สภาพคล่องในปัจจุบันอยู่ในระดับสูง นักลงทุนจึงมองหาตลาดใหม่ หรือ ประเทศที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในการลงทุน โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อ และ อัตราดอกเบี้ย ที่ยังเป็นบวก สะท้อนได้จากประเทศอื่นที่อัตราเงินเฟ้อเป็นบวก แต่อัตราดอกเบี้ยติดลบไปแล้ว ทำให้ไทยยังน่าสนใจในสายตาต่างชาติ จึงนำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าตลาดหุ้นไทยปี 2564 คาดกลับมาเป็นซื้อสุทธิประมาณ 1 ใน 3 ของเงินที่เคยออกไปย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมา (2561-2563) กว่า 6 แสนล้านบาท”

นายชัยพร กล่าวว่า ประเมินในส่วนของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในปี 2564 มีปัจจัยหนุนมาจากกำไรของกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) ที่คาดว่าปีหน้าจะเห็นกำไรทั้งกลุ่มกลับมาเติบโตก้าวกระโดด หลังจากปีนี้ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงแรง และการพลิกกลับมามีกำไรของกลุ่มธุรกิจเดินเรือ หลังจากภาพรวมการค้าระหว่างประเทศเริ่มกลับมาทำการติดต่อค้าขาย และส่งสินค้าได้มากขึ้น รวมถึงยังมีกลุ่มธุรกิจที่เป็นไปตามวัฏจักรของเศรษฐกิจจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นของกำไรในปีหน้า หลังจากโควิด-19 คลี่คลายลงอย่างชัดเจน ทำให้การลงทุนในระยะถัดไป แนะนำว่า ตลาดหุ้นยังคงมีความน่าสนใจ เพราะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ หลังจากผ่านพ้นการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรงไปแล้ว จึงแนะนำให้มองหาการลงทุนในหุ้นไทยและหุ้นต่างประเทศควบคู่กัน เพื่อกระจายความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยการลงทุนในหุ้นยังให้สัดส่วนที่มากที่ 60% รองลงมาเป็นการลงทุนในพันบัตรและตราสารหนี้ 15% การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 10% ที่เหลือเป็นการลงทุนในทองคำและอื่นๆ

นายชัยพร กล่าวว่า สำหรับกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจปีหน้า แนะนำหุ้นที่อิงกับวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical Stock) ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมี IVL PTTGC และ IRPC กลุ่มค้าปลีก CRC CPN และ CPALL กลุ่มบรรจุภัณฑ์ SCGP และกลุ่มบริษัทบริหารหนี้ JMT CHAYO และ BAM เพราะแม้ภาคเศรษฐกิจจริงจะต้องใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน กว่าจะฟื้นตัวกลับไปเติบโตเท่ากับก่อนช่วงที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19 แต่ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นไปรอแล้ว จึงคาดว่าในปี 2564 ตลาดหุ้นไทยจะกลับมาสดใสอีกครั้ง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image