หุ้นไทยเด้งบวก 35.50 จุด ขานรับ ‘ศบค.’ ไม่สั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ

HANGZHOU, CHINA - FEBRUARY 3, 2020 - Investors pay attention to the stock market in a stock exchange in Hangzhou, Hangzhou, Zhejiang Province, China, February 3, 2020. The Shanghai index opened at 2716.70, down 8.73%; the Shenzhen composite index at 9706.58, down 9.13%; the growth enterprise market index at 1769.16, down 8.23%; the small and medium-sized board index at 6393.18, down 9.19%.- PHOTOGRAPH BY Costfoto / Barcroft Media (Photo credit should read Costfoto/Barcroft Media via Getty Images)

หุ้นไทยเด้งบวก 35.50 จุด ขานรับศบค.’ ไม่สั่งล็อกดาวน์เต็มรูปแบบ

วันที่ 24 ธันวาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะหุ้นวันนี้ว่า หุ้นเคลื่อนไหวในแดนลบสลับบวก โดยเปิดตลาดภาคเช้ามาที่ระดับ 1,416.02 จุด ก่อนปิดตลาดภาคบ่ายที่ระดับ 1,451.52 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 35.50 จุด หรือ 2.51% โดยดัชนีทำจุดสูงสุดที่ระดับ 1,453.87 จุด และทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,409.75 ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่ 103,386.18 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น นักลงทุนสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 1,672.66 ล้านบาท นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 959.21 ล้านบาทนักลงทุนต่างประเทศ ขายสุทธิ 2,275.95 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปในประเทศ ขายสุทธิ 355.92 ล้านบาท

โดยนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยปิดในแดนบวก โดยดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบระหว่างการซื้อขายภาคเช้าเล็กน้อย ก่อนจะไต่ระดับบวกขึ้นได้สาเหตุมาจากผลการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบเหมือนในช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา แม้จะเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น และกระจายในหลายพื้นที่ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก ขานรับสัญญาณเชิงบวกของการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ ที่ใกล้บรรลุข้อตกลงแบบในการถอนตัวได้แบบมีพันธะสัญญาไม่ใช่การออกแบบไร้ข้อตกลงเหมือนที่ผ่านมา รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่เชื่อว่าจะสามารถออกมาได้ เพราะแม้นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะไม่ยอมเซ็นอนุมัติโครงการ แต่ในวันที่ 20 มกราคม 2564 นายโจ ไบเดน ก็สามารถเซ็นอนุมัติโครงการได้ หลังจากเข้ากับตำแหน่งอย่างเต็มตัวแล้ว

ทิศทางในระยะถัดไป ให้แนวต้านที่ระดับ 1,470 จุด หากไม่ผ่านก็มีโอกาสเห็นการปรับลดระดับลงอีกครั้ง โดยปัจจัยที่ต้องจับตามอง ต่างประเทศยังทรงตัว ส่วนปัจจัยในประเทศ เป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ซึ่งจะทยอยประกาศออกมาก่อนที่จะหมดสิ้นปีนี้ สำหรับทิศทางเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) มีโอกาสเห็นแรงเทขาย เพราะใกล้เข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว ซึ่งส่วนใหญ่นักลงทุนจดปิดสถานะซื้อขายลง โดยอาจเริ่มเห็นตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมนี้นางสาววิลาสินี กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image