ททท. แย้มสอบทุจริต ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ คืบหน้า เชื่อเปิดโฉมขี้โกงเร็วๆ นี้

ททท. แย้มสอบทุจริต ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ คืบหน้า เชื่อเปิดโฉมขี้โกงเร็วๆ นี้

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ความคาบหน้าการตรวจสอบผู้ประกอบการที่เข้าข่ายทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ล่าสุดได้ประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ทีมเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้เชื่อว่าภายในเร็วๆ นี้จะทราบแน่ชัดว่า ผู้ประกอบการรายใดที่ทุจริตจริง และรายใดที่พบพิรุธบ้าง เพราะขณะนี้ความคืบหน้าการตรวจสอบมีมากแล้ว แต่ต้องให้เวลาเพิ่มเติมอีกสักระยะ เนื่องจากติดในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ด้วย โดยเบื้องต้นการทำธุรกรรมออนไลน์ สามารถตรวจสอบได้ไม่ยากนักอยู่แล้ว เพราะมีหลักฐานทิ้งไว้ในระบบทุกขั้นตอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกรุงไทย เป็นผู้จัดทำระบบ ก็จะมีความง่ายในการเช็กข้อมูลมากขึ้น

นายยุทธศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการกรณีการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศ ที่เริ่มเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่แพร่กระจายในหลายจังหวัด เป็นวงกว้างมากขึ้นนั้น ขณะนี้ภาครัฐขอความร่วมมือให้ประชาชนงดการเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และความเสี่ยงในการแพร่เชื้อหรือติดเชื้อระหว่างกัน ซึ่งททท.พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่หากผู้ที่ทีจุดประสงค์ในการเดินทางตอนนี้ ก็ยังสามารถเดินทางได้อยู่ เพราะยังมีอีกหลายจังหวัดที่มีความปลอดภัย แต่การเดินทางไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด อาทิ เดินทางท่องเที่ยว เดินทางกลับภูมิลำเนา ประชาชนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข และทำตามกฏของแต่ละพื้นที่หรือจังหวัดที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อาทิ สวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอลล์ หรือน้ำสะอาด รวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งส่วนนี้มีความสำคัญมาก เพราะการอยู่ในระยะที่ใกล้กันเกินไป จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่แอบมากับสารคัดหลั่งได้ง่าย

ขณะนี้ได้มีการหารือกันในส่วนของการปรับเงื่อนไขในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เพื่อป้องกันการทุจริตในอนาคต เพราะเราเที่ยวด้วยกัน ได้ขยายวันใช้สิทธิจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2564 และในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ หรือเป็นจังหวัดเสี่ยง ซึ่งไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวได้ แต่มีการจองและชำระเงินใช้สิทธิในโครงการกับโรงแรมหรือที่พักต่างๆ ไปแล้ว ททท.ได้หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายเวลาในการใช้สิทธิออกไปอีก 6-12 เดือน จึงต้องหาวิธีในการรับมือและป้องกันการโกงในอนาคต อาทิ การจำกัดจำนวนคูปอง 600-900 บาท หรือ รูปแบบการใช้ให้เข้มงวดขึ้น

“ยืนยันว่า การใช้สิทธิยังสามารถทำได้อยู่ แต่ททท. มีการตรวจสอบเข้มขึ้น เพราะไม่ต้องการให้การทุจริตของส่วนน้อย ส่งผลกระทบกับผู้ที่ต้องการเดินทางจริงๆ เพราะโครงการดังกล่าว มีขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยสร้างเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจรวมได้” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image