คาดปี 64 บัณฑิตจบใหม่-เก่า เตะฝุ่น 9 แสนคน ว่างงานอีก 2.9 ล้าน ชี้ศก.ไทยยังแย่

‘อีคอนไทย’ คาดปี 64 บัณฑิตจบใหม่-เก่า เตะฝุ่น 9 แสนคน ว่างงานอีก 2.9 ล้านคน ด้านซีอีโอชี้ศก.ไทยยังไม่พ้นจุดต่ำสุด แนะรัฐเร่งดึงเอกชนแก้ปัญหา

การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 หรือโควิด19 ยังเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยและของโลกอย่างรุนแรง

ทั้งนี้เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมปี 2564 ทุกฝ่ายคงต้องเหนื่อยกันต่อ ทั้งในประเทศไทยและประเทศทั่วโลก ที่ยังเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และกลายเป็นปัญหาสะสมต่อกำลังซื้อกำลังบริโภคและการลงทุนไม่ดีขึ้นเท่าที่คาดหวังไว้ โดยเฉพาะการเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดรอบใหม่และเกิดในช่วงขึ้นปีใหม่ ทำให้การใช้จ่ายภายในประเทศชะลอตัวลงไปอีก ส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสโลดาว(slow down) ส่วนการขยายตัวของจีดีพีไทยในปีนี้ ขึ้นกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากหรือน้อย ซึ่งพบว่าตอนนี้การติดเชื้อไวรัสเร็วและง่ายกว่าปกติ แต่อาการยังไม่รุนแรงเท่ากับสมัยก่อน และช่วงสัปดาห์แรกรัฐบาลยังควบคุมได้ดี ประกอบกับประชาชนมีความตื่นตัวต่อการควบคุมตัวเอง ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือ เว้นระยะห่าง งดกิจกรรม งดเดินทาง ลดเสี่ยงพบปะเป็นหมู่คณะหรือเข้าไปร่วมแหล่งคนพลุกพล่าน

นายสมโภชน์ อาหุนัย

“ช่วง 2 สัปดาห์หลังจากเกิดการแพร่ระบาดอีกครั้งในไทย จะเป็นตัววัดว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นไหมและดีต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า ที่พูดกันว่าไตรมาส 2 ปี 2563 ถึงจุดต่ำสุดของวิกฤตแล้ว และเศรษฐกิจได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ผมมองตรงกันข้าม ส่วนตัวมองว่าโควิดระบาดรอบใหม่ ทั้งในไทยและต่างประเทศ ที่ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ผลกระทบทุกด้านทั่วโลกยังสูง เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ผ่านวิกฤตต่ำสุด ส่วนจะติดลบแค่ไหน ขึ้นอยู่กับการแพร่ระบาดของโควิดในช่วงต้นปีนี้ และปัญหาเดิมรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ผมมองว่าปัญหากำลังซื้อหดตัว ธุรกิจได้รับผลกระทบเพิ่ม สภาพคล่องแย่ลง ส่งออกได้ยากขึ้น ลงทุนยังไม่เกิดในเร็วๆนี้ ยิ่งทำให้จีดีพีต่ำลงลึกกว่าปีก่อนมาก ” นายสมโภชน์ กล่าว

นายสมโภชน์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าหลายประเทศจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ รวมถึงรัฐบาลไทยก็ต้องมีการออกแพคเกจเพิ่มเติม หรือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการการเติมเงินประชาชน ลดต้นทุนธุรกิจ พยุงการจ้างงาน และรักษาสภาพคล่องของธุรกิจ อยากให้รัฐบาลได้คุยกับภาคเอกชนมากขึ้น ซึ่งหลายภาคเอกชนมีศักยภาพ และเป็นองค์กรที่มีการปรับตัวรับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เพื่อทำแนวทางการพยุงเศรษฐกิจและประเทศให้สามารถเดินไปในระยะยาวและระยะสั้น ตอนนี้ต้องเตรียมถึงแผนกระตุ้นและเยียวยาวต่างๆ ว่าหลังโควิดระบาดคลี่คลายลงว่าจะทำอย่างไร เชื่อว่าทุกประเทศได้เตรียมพร้อม แม้ปีนี้อาจยังมีการระบาดแต่ก็มีความคืบหน้าเรื่องวัคซีนต้านไวรัส และยังเชื่อว่า 14 วันอันตรายจากการแพร่ระบาดของโควิด จะยังมีให้เห็นต่อเนื่อง ก็อยากให้กำลังใจทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ธุรกิจ และประชาชน ที่จะร่วมกันดูแลและป้องกันการแพร่ระบาด เพื่อให้สถานการณ์ผ่านไปด้วยดี

Advertisement
นายธนิต โสรัตน์

ด้าน นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย (อีคอนไทย) เปิดเผยว่า ภาพรวมการจ้างงานในปี 2564 คาดว่าอัตราการว่างงานของแรงงานไทยยังคงสะสมอยู่ในระดับ 2.9 ล้านคน ปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามทิศทางเศรษฐกิจที่จะฟื้นตัวมากขึ้น แต่จะเป็นลักษณะของการค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้แรงงานไทยที่มี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.แรงงานในตลาดแรงงานปัจจุบัน 2.แรงงานที่ตกงาน และ3.แรงงานใหม่ที่เตรียมเข้าสู่ตลาดแรงงาน ยังคงต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสูง เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ต่างต้องเร่งปรับลดรายจ่ายลงเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด

นายธนิต กล่าวว่า ส่วนแรงงานใหม่เสี่ยงตกงานสะสมซึ่งเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่คาดว่าจะเข้ามาในระบบอีกในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ประมาณ 5 แสนคน จะส่งผลให้เมื่อรวมกับนักศึกษาที่จบไปแล้วปี 2563 แต่ยังไม่มีงานทำประมาณเกือบ 4 แสนคน หรือมียอดสะสมประมาณ 9 แสนคน แม้ในจำนวนนี้จะตรงต่อความต้องการของอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล แต่เชื่อว่าปัจจุบันยังมีความต้องการไม่มาก ซึ่งความต้องการอาจเพิ่มขึ้นในปี 2565-2566 เมื่อถึงตอนนั้นจำนวนแรงงานที่จบใหม่อาจไม่พอต่อความต้องการของตลาดดิจิทัลก็ได้ เนื่องจากนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นสาขาที่ไม่ตรงต่อความต้องการตลาดอยู่ดี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image