บสย. เตรียมค้ำกู้ 1 แสนล้านสู้โควิดระลอกใหม่ ตั้งเป้าช่วย 1.4 แสนราย ตกงาน-รายย่อย

บสย.เตรียมค้ำกู้ 1 แสนล้านสู้ภัยโควิดรอบใหม่ เปิด6โครงการ เป้าช่วย1.4 แสนรายกลุ่มเปราะบาง ตกงาน และรายย่อย

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 รอบใหม่ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินกิจการของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทุกกลุ่ม บสย. ได้เร่งดำเนินมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยนำโครงการค้ำประกันสินเชื่อที่ได้รับความเห็นชอบตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรอบวงเงินที่ได้รับอนุมัติ รวม 175,000 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS 9) วงเงิน 150,000 ล้านบาท แบ่งวงเงินค้ำประกันออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก วงเงิน 1 แสนล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป ทั้งรูปแบบนิติบุคคลและบุคคลธรรมดา ส่วนที่ 2 วงเงิน 50,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการกลุ่มเปราะบางที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ และ 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) วงเงิน 25,000 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการรายย่อย อาทิ พ่อค้าแม่ค้า แผงลอย ผู้ประกอบการธุรกิจฐานราก และกลุ่มอาชีพอิสระ มาจัดสรรวงเงินให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่แพร่ระบาดระลอกใหม่ โดยล่าสุด บสย. เปิดตัว 6 โครงการค้ำประกันสินเชื่อร่วมกับธนาคารพันธมิตรช่วยเหลือเร่งด่วน จัดสรรวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ 100,000 ล้านบาท ครอบคลุมกลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป เป้าหมายประมาณ 1.8 แสนราย ได้แก่

นายรักษ์ กล่าวว่า กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบาง สู้ภัยโควิด-19 จำนวน 2 โครงการ คือ 1.โครงการ “บสย. SMEs ไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อรายละ 2 แสนบาท – 20 ล้านบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท * MAX CLAIM สูงสุด 35% 2. โครงการ “บสย. รายย่อยไทย สู้ภัยโควิด” ฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปี วงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อราย 1 หมื่นบาท – 1 แสนบาท ระยะเวลาค้ำประกัน 10 ปี วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท * MAX CLAIM สูงสุด 40% ซึ่งทั้ง 2 โครงการถือเป็นโครงการเร่งด่วนที่จะเข้าไปช่วยผู้ประกอบการเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ตามประกาศพื้นที่เสี่ยงของ ศบค. โดย บสย. จะเปิดรับคำขอค้ำประกันสินเชื่อถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 พร้อมกับช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป อีก 4 โครงการ โดยฟรีค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 2 ปี ระยะเวลาค้ำประกันสินเชื่อ 10 ปี ประกอบด้วย 1. โครงการ “บสย. SMEs ดีแน่นอน” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 20,000 ล้านบาท 2. โครงการ “บสย. SMEs บัญชีเดียว” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท -100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 5,000 ล้านบาท 3. โครงการ “บสย. SMEs ที่ได้รับสินเชื่อหนังสือค้ำประกัน (LG)” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 2 แสนบาท – 100 ล้านบาท วงเงินจัดสรร 2,000 ล้านบาท และ 4. โครงการ “บสย. รายย่อย ทั่วไป” วงเงินค้ำประกันต่อราย ตั้งแต่ 1 หมื่นบาท – 5 แสนบาท วงเงินจัดสรร 3,000 ล้านบาท

นายรักษ์ กล่าวว่า ทั้ง 6 โครงการ บสย.จะรับความเสี่ยง ตั้งแต่ 20-40% ทั้งนี้ ยังได้กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไข การรับความเสี่ยงระหว่าง บสย. กับ ธนาคาร เช่น เกณฑ์การเคลม โดยกำหนดสัดส่วนการรับความเสี่ยงแบบร่วมกัน Sharing ระหว่าง บสย. และธนาคาร ในสัดส่วน 70% : 30% กรณีที่ธนาคารยื่นเคลมก่อนระยะเวลาที่กำหนด ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ธนาคารได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยดูแลลูกหนี้ในด้านต่างๆ อาทิ การปรับโครงสร้างหนี้ จัดหนี้ หรือปรับปรุงเงื่อนไขให้ยืดหยุ่น เพื่อช่วยลูกหนี้ให้ไปรอด และมีกระแสเงินสดเพียงพอ ขณะเดียวกัน ในด้านการดำเนินงานโครงการ “บสย. SMEs รายย่อยทั่วไป” ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ที่ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งทุน ต้องพึ่งเงินทุนนอกระบบ จากการที่ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งในส่วนนี้ บสย. มีนโยบายส่งเสริมให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อ เพื่อให้ SMEs ลดการใช้เงินกู้นอกระบบ โดย บสย. ได้ขยายวงเงินค้ำประกันสินเชื่อ จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย เป็น 500,000 บาทต่อราย และ รับความเสี่ยงค้ำประกันสินเชื่อเต็มจำนวน 100% เพื่อให้ บสย. เป็นเครื่องมือและกลไกสำคัญในการค้ำประกันสินเชื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บสย. ยังได้ร่วมค้ำประกันสินเชื่อในโครงการ Soft Loan Plus ของธนาคารแห่งประเทศไทย วงเงิน 55,000 ล้านบาท และโครงการ บสย. SMEs ไทยชนะ วงเงิน 5,000 ล้านบาท

สำหรับสถาบันการเงินให้ความสนใจร่วมลงนามพร้อมปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ทั้งกลุ่มเปราะบางและกลุ่ม SMEs ทั่วไป ประกอบด้วย โครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. SMEs สร้างชาติ” (PGS9) จำนวน 7 ธนาคาร ได้แก่ 1. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3. ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 4. ธนาคารออมสิน 5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) 7. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ส่วนโครงการค้ำประกันสินเชื่อ “บสย. Micro ต้องชนะ” (Micro 4) จำนวน 7 ธนาคาร และ 1 ลิซซิ่ง ได้แก่ 1.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2. ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) 3.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) 4.ธนาคารออมสิน 5.ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 6. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร 7.ธนาคารทิสโก้ 8.บริษัท ไฮเวย์ จำกัด

Advertisement

“คาดว่าโควิดระบาดรอบใหม่ จะกระทบต่อผู้ประกอบการรายย่อย และบางส่วนตกงาน แต่ต้องการมีอาชีพใหม่ ต้องการลงทุน จึงได้ออก 6 โครงการค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งรองระบได้ทุกอาชีพ ที่กำลังประสบปัญหาและสร้างอาชีพใหม่ เพื่อพยุงการว่างงาน ซึ่งในทุกวิกฤตครั้งนี้ บสย. ก็เตรียมวงเงินค้ำประกันไว้ประมาณเดือนละ 1 หมื่นล้านบาท และเตรียมไว้ 4 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้จะมีการปรับแผนงานรายเดือนให้ปรับให้ทันต่อเหตุการณ์และช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ทันเวลา ขณะเดียวกันบสย.ยังมีวงเงินค้ำประกันสินเชื้อซอฟต์โลนอีก 5.5 หมื่นล้านบาท ที่เตรียมร้องรับหากรัฐบาลปรับเงื่อนไขการเข้าถึงซอฟต์โลน” นายรักษ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image