เลื่อน ‘เที่ยวไทยวัยเก๋า’ รอดูสถานการณ์อีกครั้ง

‘พิพัฒน์’ จำใจเลื่อน ‘เที่ยวไทยวัยเก๋า’ ที่หวังใช้กระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศ ชี้รอดูสถานการณ์อีกครั้ง

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ในประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ มีการประเมินสถานการณ์ และเห็นควรว่า ต้องเลื่อนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ออกไปก่อน แม้จะล่าช้ากว่าแผนการเดิม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2563 แต่เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ภายในประเทศไทยที่ยังไม่สามารถคลี่คลายตัวได้ จึงต้องจับตาแรงสถานการณ์อย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถยุติลงเมื่อใด หรือจะเกิดกระเพื่อมขึ้นอีกหรือไม่

หากควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 คาดว่าจะสามารถนำโครงการเสนอให้ครม. พิจารณาโครงการได้อีกครั้ง และจะให้เริ่มมีการเดินทางได้ในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งคาดว่าน่าจะได้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์มาเป็นตัวกระตุ้นเพิ่มเติม โดยหากนับจากแผนงานเดิม จะเห็นว่าเที่ยวไทยวัยเก๋าล่าช้าจากแผนเดิมกว่า 5 เดือน จากที่ต้องการให้พิจารณาอนุมัติตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2563

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดของโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการคลัง ว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลจะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการ จะส่งเงินตรงให้ตัวบุคคลที่เป็นผู้ท่องเที่ยวทันที หรือจะส่งเงินเข้าบริษัทนำเที่ยว ซึ่งยังต้องหารือกันเพิ่มเติม เพื่อความรอบคอบสูงสุดและป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตซ้ำรอยโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เนื่องจากโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นการเหมาจ่ายค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวแก่ผู้สูงวัยในจำนวนเงินกว่า 5,000 บาทต่อคน โดย

เบื้องต้นมีการพิจารณาวิธีการยืนยันว่า มีการเข้าร่วมโครงการเพื่อท่องเที่ยวจริง อาทิ จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อตรวจสอบทุกกรุ๊ปทัวร์ว่ามีการออกเดินทางจริงหรือไม่ อาทิ การตรวจสอบที่สนามบินขณะเช็กอิน หากนั่งรถบัสนำเที่ยว ได้มอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 นาย ออกตรวจสอบ และลงนามยืนยันร่วมกันในเอกสารของกรุ๊ปทัวร์ทุกกรุ๊ป เพื่อยืนยันว่ามีการเดินทางจริง ถึงจะให้กระทรวงการคลังปล่อยเงินออกมาได้ เนื่องจากวัตถุประสงค์ของโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าของรัฐบาล ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มผู้สูงวัยในวันธรรมดา เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคท่องเที่ยวทั้งระบบและช่วยเหลือการจ้างงานกลุ่มแรงงานภาคท่องเที่ยว อาทิ มัคคุเทศก์ และพนักงานขับรถ

Advertisement

“การสนับสนุนค่าใช้จ่ายโครงการนี้ รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งวงเงินดังกล่าวถูกกันมาจากงบประมาณโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่มีวงเงิน 20,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นตลาดการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลุ่มสูงวัย 55-75 ปี จำนวน 1 ล้านคน โดยวางเงื่อนไขการให้สิทธิประโยชน์แก่กลุ่มเป้าหมายว่าต้องมีการเดินทาง 2 คนขึ้นไปในวันอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี โดยใช้บริการผ่านบริษัทนำเที่ยว เดินทาง 3 วัน 2 คืนขึ้นไป สนับสนุนค่าใช้จ่ายไม่เกิน 5,000 บาทต่อคน” นายพิพัฒน์ กล่าว

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และการตรวจสอบผู้ทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งใช้เวลาในการตรวจสอบมาเกือบครบ 1 เดือนแล้ว โดยคดีจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงจะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่ทำงานให้เสร็จภายใน 90 วันดังกล่าว

นอกจกนี้ จากที่มีการระบาดรอบใหม่ในประเทศ ทำให้ต้องชะลอการเดินทางออกไปก่อน กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้ขยายเวลาให้ผู้ใช้สิทธิจองห้องพักและต้องการเที่ยวในพื้นที่เสี่ยง สามารถชะลอการใช้สิทธิได้ตั้งแต่ 6-12 เดือนส่วนสิทธิสำหรับประชาชนที่ต้องการใช้ทั่วไป ยังสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง หากจะเดินทางในพื้นที่ที่มีความปลอดภัย ส่วนจะขยายเวลาใช้โครงการเราเที่ยงด้วยกันออกไปถึงสิ้นปี 2564 นี้เลยหรือไม่ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นขึ้นอยู่กับจำนวนงบประมาณที่มี และสิทธิคงเหลือ ซึ่งหากทุกอย่างมีพร้อม ก็สามารถขยายออกไปได้

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image