กลุ่มผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป เตรียมตั้งโต๊ะแถลง แจงแก้ปัญหาโควิด ในอุตสาหกรรมประมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 8 มกราคม หอการค้าไทย จัดแถลงข่าวเรื่อง “แนวทางการแก้ไขปัญหาโรคระบาดโควิด-19 ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมการประมง” โดยนายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ นายกสมาคมอุตสาหกรรมทูน่าไทย นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป
นายพจน์ กล่าวว่า จะเป็นการชี้แจงแนวทางที่เอกชน รัฐ และความร่วมมือเอกชนกับรัฐ แก้ปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประมง ทั้งในด้านการผลิต และการจำหน่าย ที่อาจชะงักบ้าง จากการใช้มาตรการคุมเข้มการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยขอยืนยันเรื่องคุณภาพวัตถุดิบและอาหารสำเร็จรูปยืนยันปลอดภัย เรื่องที่สมุทรสาครก็เป็นการแพร่จากคนสู่คน ไม่ใช่สัตว์หรืออาหารสู่คน หรือ คนสู่อาหาร นั้นไม่มี ยืนยันบริโภคได้ด้วยความปลอดภัย ไม่อยากให้ประชาชนผู้บริโภคต้องกังวล คนไม่เข้าใจก็วิตกในเรื่องอาหาร ซึ่งหอเราจะร่วมกับภาครัฐและเอกชนผู้ผลิตและส่งออกมาชี้แจง ที่มาที่ไป การดำเนินการที่ผ่านมา การป้องกัน และสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับรู้ข้อเท็จจริง และไม่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสถานการณ์ธุรกิจต่างๆ
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนจะเร่งสร้างความเข้าใจถึงสถานการณ์การการแพร่ระบาดของโควิด ไม่ได้กระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอาหารสำเร็จรูปของไทย เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตของไทยมีความพร้อมและประสิทธิภาพสูง ควบคุมทุกขั้นตอนมีความปลอดภัยต่อเชื้อโรคในการขบวนการผลิตสูง และจากการพูดคุยกับโรงงานผลิตอาหารกระป๋องที่เจอผู้ติดเชื้อก็เกิดจากการใช้มาตรการเชิงรุก เมื่อรายใดเจอผู้ผลิตเชื้อก็เข้ากระบวนการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดทันที
ทั้งนี้ หากย้อนหลัง 5 ปี พบว่าอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของไทย เพื่อส่งออกจะมีมูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท เฉลี่ยโตปีละ 1% แต่ปีนี้เดิมตั้งไว้ 3-5% เพราะทั่วโลกต้องการนำเข้าอาหารแปรรูปจากไทยเพิ่มหลายเท่าตัวจากปัญหาโควิด ทำให้คนซื้อบริโภคในมากเพิ่มขึ้น แม้รายได้จะหายไปจากส่งไปตามร้านอาหารแต่ได้บริโภคมาทดแทนและมีมูลค่าเพิ่มเป็นเท่าตัว ก็ยังเชื่อว่าหากไม่เจอปัญหาเรื่องขนส่งและบาทแข็งต่อเนื่อง ตัวเลขโต 2-3 % จะยังได้เห็น