เอ็มจี ยันไม่ปิดกิจการ ลุยเปิดศูนย์บริการเต็มรูปแบบ โชว์ยอดปี63 โต 7% ผู้นำตลาดเอสยูวี
วันที่ 16 มกราคม ‘เวิรฟ’ ในนามตัวแทนประชาสัมพันธ์ของแบรนด์รถยนต์เอ็มจี ออกหนังสือชี้แจงถึงข่าว ‘เอ็มจี จีทีเอ’ ประกาศปิดกิจการมีผล 31 ม.ค.นี้ ระบุว่า
ข่าวการปิดกิจการของผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีดังกล่าว มีลูกค้าเกิดความเข้าใจว่าเป็น Head quarter ในประเทศไทย และได้สอบถามเข้ามาที่เอ็มจีเป็นจำนวนมาก โดยทางบริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า เอ็มจี ยังดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับการตอบรับที่ดีของลูกค้าเอ็มจีในจังหวัดเชียงราย จึงมีแผนที่จะขยายผู้แทนจำหน่ายรถยนต์เอ็มจีให้ทั่วถึง จึงเตรียมเปิดตัวศูนย์บริการเอ็มจีที่มีมาตรฐานเต็มรูปแบบ ที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ระหว่างเตรียมเปิดศูนย์บริการใหม่ ลูกค้าของทางบริษัท เอ็มจี จีทีเอ สามารถติดต่อเข้ารับบริการได้ที่ศูนย์ฯ เอ็มจี ล้านนา (ตรงข้ามเซ็นทรัลเชียงราย) ได้ก่อน
ขณะที่ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย รายงานผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา มียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้น 7% โดยเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์เอสยูวีของตลาดเมืองไทย ด้วยยอดขายที่สูงถึง 17,819 คัน และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงเกือบ 90% พร้อมตั้งเป้าเปิดตัวรถรุ่นใหม่เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ย้ำแผนเดินการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศกว่า 170 แห่ง ภายในปีนี้
ยอดขายรวมปี 2563 โต 7% ย้ำความเป็นผู้นำตลาดเอสยูวี และตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบีอีวี
ในปี 2563 เอ็มจีมียอดขายรวม 28,316 คัน เติบโตขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งมียอดขายอยู่ที่ 26,516 คัน โดยแบ่งเป็นยอดขาย MG ZS สูงถึง 11,013 คัน ตามมาด้วย MG HS (รวม MG HS PHEV) จำนวน 6,008 คัน MG Extender 5,387 คัน MG3 จำนวน 4,856 คัน MG ZS EV และ MG EP จำนวน 826 คัน และรุ่นอื่นๆ 226 คัน
ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา เอ็มจี ยังครองแชมป์ยอดขายรถยนต์ในกลุ่มรถเอสยูวี ด้วยยอดการจำหน่ายรวมสูงถึง 17,819 คัน หรือประมาณเกือบหนึ่งในสี่ของตลาดรถยนต์ในกลุ่มดังกล่าว โดยมียอดจำหน่ายอันดับหนึ่งในกลุ่ม C-SUV ในขณะที่กลุ่ม B-SUV เอ็มจีมียอดจำหน่ายสูงเป็นลำดับที่สองของกลุ่ม
นอกจากนี้ เอ็มจียังคงเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 88% ด้วยยอดขาย 826 คัน จากยอดขายรวมทั้งหมด 939 คัน
