เอกชนวอนรัฐคุมโควิดโดยเร็วที่สุด ลดการเดินทางกลุ่มเสี่ยง

เอกชนวอนรัฐคุมโควิดโดยเร็วที่สุด ลดการเดินทางกลุ่มเสี่ยง

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ต่อภาวะเศรษฐกิจไทย ว่า สถานการณ์ความเสี่ยงที่แรงงานจะตกงานถึง 4.7 ล้านคน ก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ภาคบริการ และภาคค้าปลีก ซึ่งยังเป็นกลุ่มเดิมที่ได้รับผลกระทบหนักตั้งแต่การระบาดรอบที่แล้ว จึงอยากให้ภาครัฐควบคุมการระบาดโรคให้เร็วที่สุด โดยการลดการเคลื่อนตัวของผู้คนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้รัฐบาลต้องปราบปรามถอนรากถอนโคน กับขบวนการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเถื่อนเข้ามาในประเทศ ต้องกวดขันไม่ให้มีบ่อนการพนันเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมแพร่ระบาดของโรค

นายเกรียงไกรกล่าวว่า นอกจากนี้ต้องการให้ภาครัฐช่วยตรวจคัดกรองโรคเชิงลึก จะได้รู้ว่ามีผู้ติดเชื้อเท่าไร ด้วยความสามารถของทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่ทำได้ดีในรอบที่แล้ว เชื่อว่าใน 2-3 เดือน จะระงับการระบาดได้ เศรษฐกิจจะไม่เสียหายมาก ตัวเลขการตกงานก็จะไม่สูงตามที่คาดการณ์ไว้ นอกจากที่ต้องแก้ปัญหาจากต้นเหตุแล้ว รัฐบาลต้องเร่งรัดการจัดหาวัคซีนให้เร็วที่สุด ในจำนวนที่มากพอกับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จะทำให้ความมั่นใจกลับมา ผู้คนออกมาใช้ชีวิตกันอย่างปกติ ในอนาคตนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยว เศรษฐกิจก็จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น

นายเกรียงไกรกล่าวว่า สำหรับมาตรการด้านการเงิน ต้องการให้ภาครัฐเสริมสภาพคล่อง ต้องลดค่าใช้จ่าย ต้องเพิ่มเงินเข้าไปในระบบให้กับประชาชน และผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) อย่างการเสริมสภาพคล่องรอบที่แล้ว พ.ร.ก.เงินกู้ซอฟท์โลน วงเงิน 5 แสนล้านบาท ปล่อยกู้ได้ไปเพียง 1.2 แสนล้านบาท จะต้องมีการแก้ไขกฎระเบียบให้มีการผ่อนปรนมากขึ้น อีกทั้งต้องให้ทางธนาคารพาณิชย์มีความปลอดภัยเมื่อปล่อยสินเชื่อแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดหนี้เสีย (เอ็นพีแอล) เพิ่มขึ้นอีก อีกอย่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างโครงการคนละครึ่ง โครงการช้อปดีมีคืน โครงการเราเที่ยวด้วยกัน จะต้องทำอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งต้องจัดสรรเงินอย่างเพียงพอ เบิกจ่ายได้รวดเร็ว ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image