คิดเห็นแชร์ : ARK Invest กับการลงทุน Innovation ที่แรงทะลุชั้นบรรยากาศ

คิดเห็นแชร์ : ARK Invest กับการลงทุน Innovation ที่แรงทะลุชั้นบรรยากาศ

คิดเห็นแชร์ : ARK Invest กับการลงทุน Innovation ที่แรงทะลุชั้นบรรยากาศ

ช่วงนี้ ARK Invest กลายเป็นชื่อที่คุ้นหูนักลงทุนทั่วโลก

เพราะปี 2020 ที่ผ่านมา เป็นปีทองของกองทุนแนว Disruptive Technology ซึ่ง ARK ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น จนหลายท่านอยากมีส่วนร่วมกับการลงทุนแห่งอนาคตเหล่านี้บ้าง

ผมจึงถือโอกาสแนะนำให้รู้จักบริษัทจัดการกองทุน (บลจ.) ปรัชญาการลงทุน และชวนคิดว่าอะไรกันแน่คือโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในนวัตกรรมแบบ ARK

Advertisement

ในประโยคเดียว ARK คือ Active Research Knowledge ที่สร้างความแตกต่างด้วยนวัตกรรม

ARK เป็น บลจ.เชื้อสายอเมริกันที่ Catherine Wood อดีต CIO ของ AllianceBernstein ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวที่ไม่ผันผวนไปตามตลาดด้วยการเน้นไปที่ Disruptive Technology ทั่วโลก ความพิเศษของ ARK คือเป็น Thematic Manager ตั้งแต่ต้น จึงมีนักวิเคราะห์จากนอกภาคการเงินเป็นส่วนใหญ่ วิธีการลงทุนคือเฟ้นหาธีม และบริษัทที่เป็นผู้นำในแต่ละธีม โดยในปี 2020 ARK มีธีมการลงทุนที่โดดเด่น4 อย่าง ได้แก่

Genomic Revolution (ARKG) ลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการตัดต่อพันธุกรรม หรือนวัตกรรมด้านบริการสุขภาพ ยารักษาโรค หรือธุรกิจที่สร้างเสริมคุณภาพชีวิตมนุษย์ ข้อมูลจาก Morningstar กองทุนนี้ให้ผลตอบแทนถึง 180% ในช่วงปีที่ผ่านมา

สอง Next Generation Internet (ARKW) ลงทุนในบริษัทที่มีความสามารถด้านการบริหารนวัตกรรมข้อมูลข่าวสาร AI, Deep Learning, Cloud Computing ไปจนถึง Blockchain สร้างผลตอบแทนสูงไม่แพ้กันที่ 157% ในปีที่แล้ว

สาม Fintech Innovation (ARKF) เลือกบริษัทผู้นำนวัตกรรมในอุตสาหกรรมการเงิน เช่น ธุรกิจ Moblie Payments, Digital Wallet, Peer-to-Peer Lending โดยในปี 2020 กองทุนนี้ก็ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 108%

สี่ Autonomous Technology & Robotics (ARKQ) สร้างผลตอบแทน 107% ในปี 2020 จากการลงทุนใน EV, Automation, 3D Printing ผสมกับ Space Exploration

นอกจากนี้ ARK ยังมีการลงทุนที่ประกอบด้วยธีมทั้งหมดรวมกันในชื่อ Disruptive Innovation ซึ่งสร้างผลตอบแทนเกิน 100% ในปีที่ผ่านมาอีกด้วย

อ่านถึงตรงนี้ เราจะเห็นความแตกต่างของ ARK กับ บลจ.ทั่วไปอย่างชัดเจน และรู้สึกเหมือนกำลังทะลุออกไปนอกโลก แต่ก่อนจะวิเคราะห์ความเสี่ยงและโอกาส ผมขอพลิกมาดูตัวเลขที่น่าสนใจทางการเงินกันบ้าง

เพราะสิ่งที่เด่นไม่แพ้กัน คือ ธีมที่บริษัทมีกำไรมีแค่ Fintech และ Autonomous Technology

จากข้อมูลของ FactSet และ ETF Action พบว่าบริษัทที่ ARK ลงทุนนั้นมักอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นธุรกิจ บริษัทในกองทุนหลักทั้ง ARKG และ ARKW นั้น “ไม่มีกำไร” ส่วน ARKF และ ARKQ แม้จะมีกำไรบ้างแต่ก็มี ROE เพียง 4-6% และ P/E เฉลี่ยเกิน 50 เท่า เทียบกับ S&P 500 ที่หลายคนกลัวว่าแพงยังมี ROE สูงถึง 15% และมี P/E เฉลี่ย 28 เท่า แปลได้ว่าระดับราคาของการลงทุนนวัตกรรมเหล่านี้เป็นการซื้ออนาคตจริง ๆ เพราะ “แพงมาก” เมื่อเทียบกับพื้นฐานในปัจจุบัน

ต่อให้เราไม่สนใจตัวแดงบนงบกำไรขาดทุน มองไปที่ยอดขายหรือกระแสเงินสด การลงทุนใน Disruptive Innovation เหล่านี้ก็ยังไม่ถูก

เช่นกองทุนหลัก ARK Innovation มี P/S สูงถึง 13 เท่า เทียบกับ S&P 500 และ NASDAQ ที่ 3-5 เท่า หรือ P/CF ของ ARKG และ ARKW ที่ 60-80 เท่า เทียบกับหุ้นใน NASDAQ ที่ 23 เท่า ก็ชี้ว่าบริษัทเหล่านี้ต้องทำรายได้หรือสร้างกระแสเงินสดให้เพิ่มขึ้นได้อย่างน้อย 300% จากปี 2020 ถึงจะบอกได้ว่ามีราคาใกล้เคียงกับการประกอบธุรกิจปกติ (ซึ่งตอนนี้ตลาดคาดว่ายอดขายของบริษัทเหล่านี้จะเติบโตราว 30-50% ในปี 2021)

ถึงตรงนี้ ผมเชื่อว่าผู้อ่านคงเห็นทั้ง “สองด้าน” ของการลงทุนในนวัตกรรมมากขึ้น สำหรับใครที่สนใจลงทุน ต่อจากนี้ผมเชื่อว่ากลยุทธ์และพื้นฐานคือสองสิ่งที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

เพราะในเชิงกลยุทธ์ การลงทุนประเภท Innovation มักโดดเด่นในช่วง “หลังวิกฤต”

เนื่องจากตลาดกำลังเปลี่ยนพฤติกรรม ขณะเดียวกันนโยบายเศรษฐกิจที่ผ่อนคลายก็สามารถลดความกังวลเรื่องสภาพคล่องของบริษัทเหล่านี้ลง ถ้าเหตุผลเหล่านี้ไม่เปลี่ยน กองทุนของ ARK ก็ควรได้รับความสนใจจากนักลงทุนอยู่ต่อเนื่อง

แต่ในเชิงพื้นฐาน Innovation มักลดความร้อนแรงลงเมื่อเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ช่วง “เติบโตปกติ”

เพราะว่าอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะฟื้นตัว สังคมจะนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ในวงกว้างจนเกิดคู่แข่ง ส่วนผู้กำหนดนโยบายก็จะลดการผ่อนคลายลงสู่ภาวะปกติ ซึ่งหมายความว่าถ้าบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถเป็นผู้นำการเติบโตได้จริง ก็จะกลายเป็นเพียงฟองสบู่ที่ต้องแตกลงในระยะยาว

นักลงทุนบางท่าน เห็นกองทุนปรับตัวขึ้นปีนี้ดีก็อยากซื้อตาม ส่วนบางท่านบอกว่ารอบริษัทมีกำไรก็ช้าไปแล้ว แน่นอนว่าเหตุผลในการซื้อของแต่ละคนแตกต่างกันได้ แค่ต้องจำไว้ว่า เมื่อเราซื้อสินทรัพย์ไหน เราจะได้พื้นฐานและอนาคตของสินทรัพย์นั้นพร้อมกับป้ายราคาตอนที่เราซื้อติดมาด้วย

ผมเองไม่มีข้อสงสัยในความสามารถของ ARK และเชื่อว่านวัตกรรมหลายอย่างที่ ARK มองเห็นจะกลายเป็นอนาคตของโลกแน่นอน ผมแค่สงสัยกับความสามารถในการตีมูลค่าการลงทุนของตลาดในตอนนี้เท่านั้นเองครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image