ผู้เขียน | ณัฐชนัน ฐิติพันธ์รังสฤต |
---|
จอดป้ายประชาชื่น : เราชนะ ไม่มีสมาร์ทโฟนก็แพ้
ในช่วงปลายเดือนธันวาคม ส่งท้ายปี 2563 และกำลังเข้าสู่เทศกาลฉลองปีใหม่ ที่ใครก็คาดว่าจะครึกครื้น หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แต่กลับเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบใหม่ คนติดเชื้อพุ่งสูงจนต้องประกาศล็อกดาวน์พื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร และได้พบจำนวนผู้ติดเชื้อกระจายไปหลายจังหวัด
สถานการณ์ยืดเยื้อถึงปัจจุบัน แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะลดลงบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับหลักร้อยคน รัฐบาลจึงตัดสินใจว่าต้องมีมาตรการเยียวยาประชาชน จึงได้ให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องนำเสนอมาตรการช่วยเหลือต่างๆ ในเรื่องการลดภาระค่าใช้จ่าย อาทิ การลดค่าน้ำประปา ค่าใช้ไฟฟ้า ค่าอินเตอร์เน็ต รวมทั้งโครงการคนละครึ่ง ที่เปิดลงทะเบียนรอบเพิ่มเติมอีก 1.34 ล้านสิทธิ และ โครงการเราชนะ ที่รัฐบาลประกาศว่าจะแจกเงินให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน คนละ 3,500 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 2 เดือน
โดยโครงการเราชนะมีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน จึงมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบอาชีพอิสระ แต่เงื่อนไขคือให้ใช้จ่ายผ่านระบบชำระเงินของรัฐบาล (g-wallet) ในแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง โดยอ้างว่าเพื่อลดการสัมผัสกัน และรองรับการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด
การใช้จ่าย g-wallet นั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ใช้จำเป็นต้องมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถใช้อินเตอร์เน็ต และรองรับการใช้งานแอพพ์เป๋าตังนั่นคือต้องมีสมาร์ทโฟน และมีการซื้อแพคเกจอินเตอร์เน็ต ซึ่งฟังแล้วดูจะไม่ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย แถมเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้อีกด้วย
ล่าสุด รัฐบาลพยายามหาทางออกให้กลุ่มดังกล่าว โดยระบุว่าจะให้เจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงไทยเข้าช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นอย่างไร
จากการผลักดันสู่ความฝันว่าไทยจะเป็นสังคมเศรษฐกิจแบบดิจิทัลในเร็ววัน กลายเป็นโจทย์ใหญ่ให้รัฐบาลต้องนั่งคิด นอนคิด พร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายว่านี่คือสิ่งที่รัฐบาลมาเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และการช่วยเหลือนี้จะไม่ทั่วถึงผู้เดือดร้อนจริงๆ จึงต้องคอยจับตาดูว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเรื่องนี้อย่างไร