“เรียลแอสเสท”ชูวิสัยทัศน์สู่การทรานส์ฟอร์มแบรนด์ Active Wellness ดันเป้า 5 ปี แตะ 4 พันล.

“เรียลแอสเสท”ชูวิสัยทัศน์สู่การทรานส์ฟอร์มแบรนด์ Active Wellness ดันเป้า 5 ปี แตะ 4 พันล.

นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ในปี 2563 ทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ลดลงจากเดิม (เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562) ซึ่งผู้ประกอบการมีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจและเลื่อนการเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะโครงการแนวสูงหรือกลุ่มคอนโดมิเนียม ส่งผลให้สต๊อกคงค้างในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ลดลงในระดับหนึ่งตั้งแต่ไตรมาส 2 / 2563 รวมทั้งกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติลดลงจำนวนมากเนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้ามาประเทศไทย ณ เวลานี้ได้ และกลุ่มนักลงทุนที่เพิ่มหลักเกณฑ์ในการพิจารณาลงทุนมากขึ้นหรือชะลอการลงทุนเพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ ส่งผลให้ตลาดอสังหาฯไม่เติบโต ผลกระทบดังกล่าวยังคงต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2564 ทำให้บริษัทฯพิจารณาถึงความรอบคอบในการดำเนินงานเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทบทวนแผนงานรายเดือนและรักษากระแสเงินสดสร้างความมั่นคงของการดำเนินธุรกิจ ทั้งนี้ที่ผ่านมาบริษัทฯพัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้นจำนวน 21 โครงการ มูลค่ารวม 30,500 ล้านบาท โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายและจะเปิดขายในปีนี้รวมจำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวม 8,000 ล้านบาท

 

นายบดินทร์ธรกล่าวว่า สำหรับแนวโน้มในปี 2564 ทางบริษัทฯยังคงมั่นใจในทำเลและสินค้าของโครงการที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ เน้นฐานลูกค้าเรียลดีมานด์เป็นหลัก มุ่งการทำวิจัยตลาดอสังหาฯศึกษาถึงข้อมูลและพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า เพิ่อให้สินค้าออกมาตรงตามความต้องการมากที่สุด เน้นกลยุทธ์การตลาดในด้านราคามากขึ้น ชูราคาเป็นจุดขาย เนื่องจากสภาวะความคิด และพฤติกรรมของลูกค้า ณ ปัจจุบันต้องการความคุ้มค่าในราคาที่จับต้องได้ โดยบริษัทฯมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวม 4,660 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการแนวราบ จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 2,510 ล้านบาท คือ โครงการสตอรี่ส์ บางนา – สุวรรณภูมิ (2) สตอรี่ส์ รังสิต – วงแหวน (3) วิรัณยา บางนา – วงแหวน และ โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 1 โครงการ คือ โครงการ “เดอะ สเตจ มายด์สเคป รัชดา – ห้วยขวาง” (THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang) มูลค่า 2,150 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการที่เทกโอเวอร์ มาจาก บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรนด์  “MEGA Space 1&2” เป็นคอนโดฯไฮไรส์ จำนวน 2 อาคาร รวม 2,329 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,300 ล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่า ในปี 2564 จะสามารถสร้างยอดขายจำนวน 2,350 ล้านบาท เติบโตขึ้น 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 2,050 ล้านบาท และจากการ takeover จะสามารถทำให้บริษัทโตได้อย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าว่าในปี 2567 จะสามารถสร้างรายได้แตะ 4,000 ล้านบาท และมี Backlog ทั้งหมด 5,660 ล้านบาทระหว่างปี 2564-2567

 

Advertisement

“เทรนด์ใหม่ในเรื่องของสุขภาวะที่ดี(Wellness) , IOT, หรือ ไลฟ์สไตล์ที่มีความหลากหลายในกลุ่มลูกค้า กำลังกลายเป็นที่นิยมซึ่งองค์กรให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้นจนนำมาสู่การทำ Brand Transformation ภายใต้วิสัยทัศน์ “BELIEVING A BETTER YOU IS POSSIBLE” เราเชื่อว่าทุกคนดีขึ้นได้จริง และจะส่งต่อพลังบวกให้คนรอบข้างและสังคมดีขึ้นได้เช่นกัน ที่จะทำให้บริษัทฯทรานฟอร์มเข้าสู่ธุรกิจในแบบผสมผสานระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กับธุรกิจประเภท Active Well-Being Life Experience หรือสามารถนิยามได้ว่าวันนี้ REAL ASSET อยู่ในธุรกิจ Active Well-Being Life Experience สะท้อนผ่านสัญลักษณ์โลโก้ของบริษัทฯ Active Real Icon ที่เริ่มต้นตั้งแต่ “ตนเอง” ขยายวงกว้างสู่ “ผู้อื่น” และยกระดับสู่ “สังคม” ด้วยพันธกิจการดำเนินงานที่จะพลิกโฉมประสบการณ์ที่ แสนธรรมดา ให้เปี่ยมด้วย สุขภาวะที่ดี และชีวิตที่มีพลัง “TO TRANSFORM THE LIFELESSNESS INTO THE ACTIVE WELL-BEING LIFE EXPERIENCE” โดยวางกลยุทธ์ผ่าน 5 แกนสำคัญของการมีชีวิตยืนยาวที่จะถูกนำมาผนวกใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ “ภายใต้ชื่อโครงการ NEVERLAND ถือเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลง เราไม่เพียงแต่มุ่งพัฒนาที่อยู่อาศัย แต่เราตั้งใจที่จะเสริมสร้างให้สังคมดีขึ้น ทั้งในแง่ของการใช้ชีวิตและสุขภาวะที่ดี ทั้งร่างกายและจิตใจ วันนี้เรื่องของ Well-Being กลายเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทุกคนหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น เราจึงตั้งใจที่จะทำให้เกิดการผสมผสานระหว่างธุรกิจ เพื่อการอยู่อาศัยที่ดีและการมีชีวิตที่ดีควบคู่กันไปอย่างยั่งยืน” นายบดินทร์ธรกล่าว

 

นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทมุ่งมั่นที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพื่อให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายโดยมีแบรนด์ภายใต้การพัฒนาของบริษัทมาแล้ว ได้แก่ แบรนด์ “THE STAGE” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Main Class , แบรนด์ “LAVIQ” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Super Luxury และ แบรนด์ “AESTIQ” ในกลุ่มลูกค้าระดับ Ultimate Luxury โดยยังคงต่อยอดความสำเร็จขยายการพัฒนาโครงการไปยังทำเลแห่งใหม่ ย่าน Community ที่สามารถเดินทางได้สะดวก รวมทั้งแหล่งชุมชนที่มีความพร้อมทั้งอุปโภคและบริโภค ตลอดจนการต่อยอดแบรนด์ THE STAGE สู่แบรนด์ใหม่ “THE STAGE Mindscape” กับโครงการใหม่บนทำเล รัชดา-ห้วยขวางนายณัฏฐพรกล่าวเสริมว่า “เราเลือกปักหมุดโครงการใหม่บนทำเลรัชดา-ห้วยขวาง ภายใต้ชื่อ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang ซึ่งถือเป็นทำเลใหม่ของการขยายการพัฒนาโครงการออกไป โดยย่านรัชดา-ห้วยขวาง มีความพร้อมทั้งการใช้ชีวิตและแหล่งไลฟ์สไตล์ ตลอดจนดีมานด์ในพื้นที่ยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัย ทำเลที่เดินทางสะดวกใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีห้วยขวางเพียง 250 เมตร รายล้อมด้วยแหล่งงานและย่าน New CBD ถือเป็นทำเลของการใช้ชีวิตที่หลากหลายตั้งแต่กลางวันถึงกลางคืน เราได้ใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับที่ดินผืนนี้และเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้บริโภคค่อนข้างมาก เพื่อให้โครงการ THE STAGE Mindscape Ratchada – Huai Khwang เป็นโครงการที่ตอบรับความต้องการของผู้บริโภคด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริง ผ่านการออกแบบและฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองการพักผ่อนอย่างเต็มพลังก่อนออกไปใช้ชีวิตในโลกที่ต้องการ

Advertisement

 

ด้านนายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมา บ้านในทำเลชานเมืองมีความต้องการเพิ่มขึ้นสูงมาก เนื่องจากปัจจัยการเปลี่ยนพฤติกรรมตั้งแต่ช่วงล๊อกดาวน์ การทำงานแบบ Work from Home ทำให้คนต้องการบ้านที่มีพื้นที่ส่วนตัว และพื้นที่ทำงาน โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบยังคงเติบโตได้ดี โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม แต่ต้องระวังในเรื่องของกำลังซื้อที่อาจจะฟื้นตัวได้ไม่ดีมาก สะท้อนจากภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงต่อเนื่อง โครงการต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับลูกค้า นอกจากนั้นการพัฒนาโครงการจำเป็นต้องมุ่งเน้นถึงความคุ้มค่า เอาใส่ใจถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป สร้างบรรยากาศในการใช้ชีวิตที่ส่งเสริมสุขอนามัยที่ดีเพื่อสังคมที่ยั่งยืนต่อไป โดยปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย1 สตอรี่ส์ บางนา – สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 15-3-22 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 187 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3.21 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท 2.สตอรี่ส์ รังสิต – วงแหวน บนพื้นที่ 16-2-42ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวน 233 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 1.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 462.6 ล้านบาท 3.วิรัณยา บางนา – สุวรรณภูมิ บนพื้นที่ 42-1-73.5 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด 2 ชั้น และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 207 ยูนิต ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 7.34 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,497 ล้านบาท

 

“บริษัทฯเติบโตจากการพัฒนาโครงการแนวราบและยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อไปเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกระดับราคา ไม่เพียงแต่การพัฒนาโครงการเท่านั้นแต่เรายังเอาความใส่ใจของการใช้ชีวิตมาเป็นส่วนหนึ่งที่จะยกระดับให้ชีวิตดียิ่งขึ้น ส่งเสริมให้สุขภาพและร่างกายแข็งแรง เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริงที่เราเชื่อมั่นว่า ทุกคนดีขึ้น จะส่งพลังงานบวกให้ สังคม ดีขึ้น ได้เช่นกัน” นายวีระชัยกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image