เอสซีจีลุยลงทุนปีนี้ 6.5 -7.5 หมื่นล้าน ยิ้มปี 63 กำไร ปันผลทั้งปีหุ้นละ 14 บ.

เอสซีจีอัดงบลงทุนปีนี้ 6.5 -7.5 หมื่นล้าน เน้นต่อยอดโครงการเดิม – ปิโตรฯวียดนาม –นวัตกรรม – การแพทย์ รับโควิดกระแทกธุรกิจก่อสร้างหนัก รอฟื้นตัวครึ่งปีหลัง ปันผลทั้งปีหุ้นละ 14 บ.

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า ปีนี้ได้ตั้งงบลงทุนปีนี้ที่ 65,000 -75,000 ล้านบาท เทียบจากปี 2563 มีแผนใช้งบลงทุนระดับ 60,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5-10% เพื่อใช้เงินลงทุนโครงการต่อเนื่องที่ได้ดำเนินการอยู่แล้วและอื่นๆ เน้นลงทุนใช้ในโครงการปิโตรเคมีครบวงจร ที่เวียดนามกว่า 50% คืบหน้าแล้วแล้ว 70% คาดว่า ภายใน 2 ปีข้างหน้า จะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ โครงการลงทุนในธุรกิจแพคเกจจิ้งและธุรกิจวัสดุก่อสร้างและซีเมนต์

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อการอุปโภคและบริโภค ขณะที่บางธุรกิจยังไม่รับผลกระทบต่อเนื่อง อาทิ การท่องเที่ยวที่เดิมกำลังจะฟื้นตัวพอเจอโควิด-19 ระลอกใหม่ ทำให้ธุรกิจเงียบลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจยังลดลง ดังนั้นภาครัฐและภาคธุรกิจ ควรร่วมมือกันประคับประคองให้ธุรกิจผ่านพ้นสถานการณ์ในช่วงนี้ไปได้ โดยผลกระทบจากโควิด-19 ต่อภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างนั้น ในส่วนโครงการใหม่ๆของภาคเอกชน ชะลอตัวชัดเจนตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3-4 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน และน่าจะชะลอตัวต่อเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ระลอกใหม่ ฉะนั้น ในส่วนของการลงทุนภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับบ้านอยู่อาศัยและอาคารพาณิชย์ ยังต้องรอความเชื่อมั่นและหวังว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง

นายรุ่งโรจน์ กล่าวว่า ขณะนี้ธุรกิจแพคเกจจิ้งมีการขยายการลงทุนเพิ่ม ส่วนธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ คาดว่าจะฟื้นตัวดีในช่วงครึ่งหลังปีนี้หากสถานการณ์โควิด-19คลี่คลาย และธุรกิจเคมิคอลส์ได้ต่อยอดธุรกิจปลายน้ำและกลุ่มธุรกิจใหม่ เพื่อเพิ่มความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์ และความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจ อาทิ เร่งพัฒนาโซลูชันด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ทั้งการผลิตเม็ดพลาสติกจากขยะชุมชน และโรงงานสาธิตกระบวนการรีไซเคิลทางเคมี ที่ได้ร่วมกับสตาร์ทอัพ มีกำลังผลิต 4,000ตันปี โดยใช้เทคโนโลยีเปลี่ยนพลาสติกใช้แล้วเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับโรงงานปิโตรเคมี รวมทั้งจะลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนำเข้ามาเสริมและพัฒนาธุรกิจ อาทิ เทคโนโลยีดิจิทัล นวัตกรรม เรื่องความยั่งยืนและเศรษฐกิจหมุนเวียน จะส่งเสริมกลุ่มบ้านอยู่อาศัย แลอุปกรณ์ทางการแพทย์

“ผลการดำเนินงาน ปี 2563 มีรายได้จากการขาย 399,939 ล้านบาท ลดลง 9 %จากปีก่อน จากราคาและปริมาณขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ลดลง กำไร 34,144 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 %จากปีก่อน ผลการดำเนินงานดีขึ้นทุกธุรกิจ และจ่ายเงินปันผลประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 14.0 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 16,800 ล้านบาท แบ่งเป็นจ่ายปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 5.5 บาท และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายอีกหุ้นละ 8.5บาท”นายรุ่งโรจน์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image