คมนาคม เผย กทม.แจงสายสีเขียว ไร้เงาต้นทุน-ที่มาค่าโดยสาร 104 บาท
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุว่า หลังจากกระทรวงคมนาคมได้ทำหนังสือถึงกระทรวงมหาดไทย และ กรุงเทพมหานคร (กทม.) เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เพื่อขอเอกสารที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผลการศึกษาของโครงการ แนวทางการกำหนดอัตราค่าโดยสาร ต้นทุนของโครงการ และเอกสารอื่นๆ เพื่อนำมาศึกษา และให้ความเห็นต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้เกิดการลดอัตราค่าโดยสารสูงสุดจาก 65 บาท เหลือไม่เกินอัตราแนวทางที่ระบบรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ในสังกัดกระทรวงคมนาคมกำหนดใช้นั้น ล่าสุดขณะนี้ ทาง กทม. ได้ทำหนังสือถึงกระทรวงคมนาคมแล้ว โดยได้ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้เพียง 2 ประเด็น ได้แก่ 1.สรุปผลการเจรจาต่อรองกับผู้รับสัมปทาน และ 2.ร่างสัญญาร่วมลงทุนฉบับแก้ไข ส่วนประเด็นอื่นๆ โดยเฉพาะต้นทุนของโครงการ และที่มาของอัตราค่าโดยสาร ไม่ได้ส่งมาให้กระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า กทม. แจงเหตุผลที่ส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้แค่ 2 ประเด็นว่า กทม. สามารถส่งข้อมูลและเอกสารเท่าที่ กทม. มีอำนาจในการจัดส่งเท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นนี้ได้แสดงรายละเอียดข้อมูลทั้งหมดครบถ้วนในทุกเรื่องที่ต้องใช้ในการพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนฯ แล้ว ทั้งนี้ กทม. ได้แจ้งมาในหนังสือที่ส่งมายังกระทรวงคมนาคมด้วยว่า ในการจัดส่งข้อมูลให้แก่หน่วยงานของรัฐ กทม.จะสามารถจัดส่งได้ก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจไว้อย่างชัดเจนแก่ กทม. ในการจัดส่งข้อมูลนั้น เพราะการที่จัดส่งข้อมูลโดยที่กฎหมายไม่ได้กำหนดให้อำนาจไว้ กทม.อาจได้รับความเสียหายจากการถูกดำเนินคดีฟ้องร้องจากหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายในการตรวจสอบ และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลนั้นได้
ส่วนเรื่องที่ขอให้ทบทวนค่าโดยสารที่จะจัดเก็บในอัตราสูงสุดที่ 104 บาท ตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2564 นั้น ก็ไม่ได้รับความร่วมมือ และไม่มีหนังสือตอบกลับมา ได้ยินคำตอบผ่านสื่อเท่านั้นว่ายังยืนยันที่จะเก็บในอัตราสูงสุด 104 บาทเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ในฐานะดูแลขนส่งสาธารณะทางราง ซึ่งเป็นหน่วยงานในกำกับของกระทรวงคมนาคม ได้ทำหน้าที่เต็มที่แล้ว แต่ยอมรับว่าเวลานี้ยังไม่มีอำนาจเต็ม เพราะร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กรมการขนส่งทางราง ยังไม่มีการประกาศใช้ คาดว่าน่าจะประกาศได้ภายในปลายปีนี้ เมื่อถึงเวลานั้นหาก กทม. ไม่ส่งข้อมูลมาให้จึงจะมีบทลงโทษ
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม ระบุอีกว่า เท่าที่พิจารณาข้อมูลจากที่ กทม. ส่งมา คงไม่สามารถให้ความคิดเห็น เพื่อเสนอกลับไปยัง ครม. ได้ในเวลานี้ เพราะข้อมูลที่ให้มาไม่มีข้อมูลใดๆ ที่สามารถนำมาเปรียบเทียบ หรือใช้คำนวณค่าโดยสารได้เลย แม้กระทั่งปริมาณผู้โดยสาร ค่าจ้างในการเดินรถ รายได้ และรายจ่าย ที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้ ตลอดจนที่มาของการคิดอัตราค่าโดยสาร ก็ไม่มีปรากฏในหนังสือที่ส่งมา อย่างไรก็ตามหลังจากนี้กระทรวงคมนาคมคงต้องไปหาข้อมูลที่ต้องการเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆ เอง เพราะ กทม. แจ้งมาว่ากระทรวงคมนาคมไม่มีอำนาจ จึงไม่สามารถส่งข้อมูลมาให้ได้
