‘ทรีนีตี้’ ประเมินหุ้นไทยเดือน ก.พ. ดัชนีเคลื่อนไหวแกว่งเล่นรอบ ให้แนวรับระดับ 1,440 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์ 2564 จะเป็นลักษณะการแกว่งในกรอบ หลังจากที่ปรับฐานลงมาแรงในช่วงปลายเดือนมกราคม ที่ผ่านมา จากปัจจัยมูลค่าหุ้น (แวลูเอชั่น) ที่ร้อนแรงเกินไป และการขายล็อกกำไรของนักลงทุน ก่อนเข้าสู่เทศกาลประกาศผลประกอบการ โดยข้อดีคือ การปรับฐานรอบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากปัญหาสภาพคล่องแต่อย่างใด แถมทางทรีนีตี้ยังไม่กังวลใจกับการลดวงเงินในมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (คิวอี) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะใช้อย่างน้อยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้อีกด้วย ซึ่งจะเห็นว่าการปรับตัวลงยังไม่ได้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง เพราะยังมีกลุ่มหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นที่มีผลประกอบการออกมาโดดเด่น และมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง รวมถึงมีระดับแวลูเอชั่นไม่สูงมากนัก โดยประเมินแนวรับแรกของดัชนีประจำเดือนนี้ที่ระดับ 1,440 จุด ซึ่งจะเป็นระดับที่ทำให้ Earning yield gap (EYG) ของตลาดหุ้นไทยกลับเข้าสู่ค่าเฉลี่ยระยะยาวอีกครั้ง
“ระดับ 1,440 จุด อาจเป็นจุดที่นักลงทุนต่างชาติหยุดการขายสุทธิหุ้นไทยได้ ส่วนแนวรับสำคัญประเมินที่บริเวณ 1,400 จุด ในทางกลับกันมองระดับแนวต้านการรีบาวด์ของดัชนีไว้ที่ 1,500 จุด” นายณัฐชาต กล่าว
นายณัฐชาต กล่าวว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ มี 3 ปัจจัยหลัก ที่ต้องติดตาม ได้แก่ 1.การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ให้โอกาสการลดดอกเบี้ยในระดับ 50% ซี่งไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ไม่ส่งผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีล) ของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป จากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยและเงินเฟ้อของไทยที่ชะลอตัว 2. ความคืบหน้าของการปรับวิธีคำนวณดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ จาก Full market cap เป็น Free-float adjusted market cap ซึ่งจะส่งผลให้เกิดกลยุทธ์การลงทุนแบบ Pair trade strategy หรือการซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์และขายหุ้นที่เสียประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงการคำนวณดัชนี และ 3. เทศกาลประกาศผลประกอบการ ซึ่งคาดว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กจะมีผลดำเนินงานที่แข็งแกร่งกว่าหุ้นขนาดใหญ่
นายณัฐชาต กล่าวว่า สำหรับธีมการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์ หากดัชนีหุ้นยังลงไปไม่ถึงแนวรับที่ 1,440 จุด แนะนำถือลงทุนในหุ้น 3 ธีม ได้แก่ 1. กลุ่มที่ได้ประโยชน์จากบอนด์ยีลไทยที่อยู่ต่ำ อาทิ กลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มไฟแนนซ์ มองตัวที่น่าสนใจได้แก่ GULF และ THANI ส่วนกลุ่ม 2. หุ้นปันผลสูง (SETHD) ที่มักปรับตัวได้ดีในช่วงนี้ของทุกปี โดยหากเลือกตัวที่มีความเชื่อมั่นทางสถิติสูงว่าจะส่งมอบผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ อาทิ TISCO และ INTUCH และ 3. หุ้นที่เข้าข่ายได้รับน้ำหนักเพิ่มจากวิธีคำนวณดัชนีใหม่ (Free-float adjusted market cap) และยังมีแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2564 เติบโตทั้งเทียบแบบรายไตรมาสและรายปี ได้แก่ SCC และ KBANK
ขณะเดียวกัน หากในช่วงระหว่างเดือนดัชนีหุ้นปรับลงไปถึงบริเวณแนวรับที่ 1,440 จุด แนะนำให้ซื้อกลับ ในหุ้นกลุ่มวัฏจักรที่เชื่อมโยงกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ได้แก่กลุ่ม ออยล์แอนด์แก๊ส ปิโตรเคมี ซอฟต์คอมมูนิตี้ แพ็กเกจจิ้ง และโลจิสติกส์ มองหุ้นเด่นที่น่าสนใจในแต่ละกลุ่มได้แก่ BCP, IVL, STA, RCL, PTL