ผู้ประกันตนม.33 มีเงินฝากแบงก์ไม่เกิน 5 แสน รอรับเงินเยียวยาโควิด 3,500-4,500 บาท

ผู้ประกันตนม.33 มีเงินฝากแบงก์ไม่เกิน 5 แสน รอรับเงินเยียวยาโควิด 3,500-4,500 บาท

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญทีมเศรษฐกิจเข้าหารือคาดว่าเกี่ยวสถานการณ์ภาพรวมของเศรษฐกิจที่มีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 และเหตุการณ์ในเมียนมาซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน โดยมีนายสุพัฒนพงศ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) ร่วมหารือ

นายสุชาติ ได้กล่าวภายหลังเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 “โครงการ ม.33 เรารักกัน” นายกฯ อยากให้ครบทุกคนที่มีสิทธิดังกล่าว ส่วนเม็ดเงินจะได้คนละเท่าไหร่และออกมาในรูปแบบไหนนั้นต้องรอหารือดอีกครั้ง แต่เบื้องต้นรูปแบบจะเป็นเหมือนโครงการเราชนะ โดยนำเงินเข้าแอพพลิเคชั่นกระเป๋าตังค์ เพื่อช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย

ยืนยันว่าคนในครอบครัวมาตรา 33 จะให้ทุกคนซึ่งมีอยู่ประมาณ 11 ล้านกว่าคน สำหรับเงื่อนไขผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ นายกฯ ให้ความอนุเคราะห์ตามที่และกระทรวงแรงงานเสนอ คือ คงเหลือเงื่อนไขเดียวคือคนที่มีเงินฝากเกิน 5 แสนบาทจะไม่ได้รับสิทธิเพียงเงื่อนไขเดียว

ส่วนในประเด็นเงินเดือนต่อปีรวม 3 แสนบาทนั้น ถ้านำประเด็นนี้มาจับคนที่ทำงานที่เดียวกันบางคนได้รับแต่บางคนอาจไม่ได้ จึงอาจมีปัญหา และไม่เกิดความสามัคคีในที่ทำงาน จึงคิดกันว่าไม่เอาเกณฑ์เงินเดือนมาพิจารณา เพราะคนที่เงินเดือนสูงค่าใช้จ่ายก็อาจสูงและคนเงินเดือนน้อยค่าใช้จ่ายก็อาจน้อย ตนจึงเสนอนายกฯ และรมว.คลัง ไม่เอาเรื่องเงินเดือนตรงนี้มาจับ ซึ่งนายกฯ เห็นด้วยในเหตุผล อย่างไรก็ตามเงินในส่วนนี้เป็นการใช้เงินกู้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ลำบาก ดังนั้นคนมีเงินฝาก 5 แสนบาทแล้วอยากให้เห็นใจเสียสละก็แล้วกัน ไม่อยากให้มีการมองว่ามีเงินฝาก 5 แสนหรือ 1 ล้านแล้ว ทำไมมาเอาตรงนี้อีก จึงขอหลักเกณฑ์นี้ไว้หลักเกณฑ์เดียว ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังก็อยากได้เกณฑ์เหมือนโครงการเราชนะ แต่ตนขอนายกฯ ให้ใช้เกณฑ์เงินฝากไม่นำเรื่องเงินเดือนมาพิจารณา ส่วนเม็ดเงินนั้นก็เป็นการใช้เม็ดเงินกู้ก้อนเดียวกับโครงการเราชนะ ไม่ใช่เงินประกันสังคม

Advertisement

เมื่อถามว่า โครงการดังกล่าวจะมีวงเงินต่อคนจำนวนเท่าไหร่ นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องจำนวนเงินเดี๋ยวกลับไปทำตัวเลขอีกครั้ง แต่อยู่ประมาณ 3,500-4,500 บาท เป็นการแบ่งจ่ายเป็นรายสัปดาห์ เช่นเดียวกับ “เราชนะ” คาดว่าอาจให้ประมาณ 1,000 บาทต่อสัปดาห์ คาดว่าโครงการจะเริ่มจ่ายเงินให้ผู้ประกันตนได้ภายในเดือนมีนาคมนี้

นายสุชาติ กล่าวว่า เรื่องเงินชดเชยมาตรา 33 จะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ นี้ นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี(ครม.) เร็วสุดภายในสัปดาห์หน้า หากไม่ทันก็ถัดไปอีกสัปดาห์หนึ่ง แต่วันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีกดปุ่มอนุมัติทุกคนให้ทั้งหมด โดยขอเงินรัฐบาลมาช่วยในมาตรา 33 นี้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาทหลังจากนี้จะกดปุ่มเปิดให้ลงทะเบียนออนไลน์ ส่วนคนที่มีแอพฯเป๋าตังค์อยู่แล้วก็ต้องลดทะเบียนออนไลน์ เพื่อยืนยันสิทธิ์เช่นเดียวกัน ย้ำว่า ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์จะต้องเข้าหลักเงื่อนไข 3 ข้อได้แก่ เป็นคนไทย ,มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท และเป็นผู้ประกันตนในมาตรา 33 คาดว่าจะมีผู้รับสิทธิ์ที่เข้าเงื่อนไขนี้ประมาณ 9 ล้านคน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image