โควิดทุบธุรกิจโรงแรม-สปาสาหัส วอนรัฐออก ‘คนละครึ่ง’ จ่ายค่าแรงต่อลมหายใจธุรกิจ

โควิดทุบธุรกิจโรงแรม-สปาสาหัส วอนรัฐออก ‘คนละครึ่ง’ จ่ายค่าแรงต่อลมหายใจธุรกิจ

นายกรด โรจนเสถียร นายกสมาคมสปาไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมและสปาขณะนี้ ถือว่าได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 มาตั้งแต่การระบาดครั้งแรกในช่วงเดือนมีนาคม 2563 จนถึงการระบาดรอบใหม่นี้ แต่ยังไม่เห็นมาตรการช่วยเหลือที่ชัดเจนจากรัฐบาลออกมา สมาคมฯ จึงจัดทำข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือและเยียวยาธุรกิจสปาด้วย โดยเฉพาะการช่วยพยุงการจ้างงานภาคท่องเที่ยว ผ่านการทำโครงการร่วมจ่าย (โค-เพย์) ระหว่างรัฐและเอกชนช่วยกันเงินเดือนให้พนักงานคนละครึ่ง วงเงินต่อรายไม่เกิน 7,500 บาท รวมจำนวน 8 แสนคน เป็นระยะเวลา 6-12 เดือน รวมทั้งตั้แต่วันที 1 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีการคลายล็อกให้เปิดร้านนวดสปาได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้ธุรกิจบริการออนเซ็น กลับมาเปิดให้บริการ เพราะนำรวมกับธุรกิจอาบอบนวด ซึ่งภายใต้ พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ ออนเซ็นไม่ได้มีลักษณะเหมือนสถานประกอบการอาบอบนวด แต่รัฐนำมารวมกันจึงยังไม่มีคำสั่งให้กลับมาเปิดบริการ ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เพราะธุรกิจประเภทนี้ แม้จะมีไม่ถึง 10 ราย แต่ผู้ประกอบการก็มีมาตรการดูแลทางด้านสุขอนามัยอย่างชัดเจน

“ประเมินธุรกิจสปาในขณะนี้ ผู้ประกอบการสปาแต่ละรายเริ่มหายใจไม่สะดวก อ่อนแรงลงทุกที เพราะได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ต้นไม่ต่างจากธุรกิจอื่นๆ แต่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจน เข้ามาช่วยปั๊มหัวใจให้เราเลย ซึ่งหากครั้งนี้รัฐไม่ช่วยจ่ายเงินเดือนพนักงานคนละครึ่งตามที่เสนอไป ธุรกิจสปาอาจสูญหายไปจากประเทศไทย โดยหากพูดตามจริงที่ผ่านมา มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง ธุรกิจสปาไม่เคยได้รับอานิสงส์ ทั้งที่อยู่ในระบบท่องเที่ยว มี พ.ร.บ.คุ้มครอง และเป็นเหตุผลหลักของการมาเที่ยวไทยของชาวต่างชาติซึ่งนิยมทำสปาติด 1 ใน 5 อันดับแรกของกิจกรรมท่องเที่ยวและบริการ แต่รัฐกลับทำเหมือนมองไม่เห็นความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นกับธุรกิจนี้” นายกรดกล่าว

นายกรดกล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจสปา โดยเฉพาะธุรกิจร้านนวดสปา ซึ่งมีกว่า 8,000 แห่งที่ได้รับใบอนุญาตตาม พ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มีจำนวนบุคลากรที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 3 แสนคน ได้รับผลกกระทบจากการระบาดโควิด-19 อย่างรุนแรง โดยในปัจจุบันมีจำนวนร้านนวดสปาเปิดให้บริการเพียง 20% ของทั้งหมด และแรงงานที่เกี่ยวข้องกว่า 80% อยู่ในสภาวะตกงาน แม้ปัจจุบันหลายจังหวัดได้คลายล็อค ให้ร้านนวดสปากลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง แต่ด้วยฐานลูกค้าของร้านนวดสปาส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ การดึงนักท่องเที่ยวไทยมาใช้บริการจึงไม่เพียงพอที่จะทำให้ธุรกิจอยู่ได้แบบมีกำไร ซึ่งความจริงแล้ว ธุรกิจสปาถือเป็นธุรกิจที่สำคัญมากต่อภาคท่องเที่ยว โดยสมาคมฯ ประมาณการณ์ว่าธุรกิจสปาในประเทศไทยมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณการณ์ว่าอุตสาหกรรมธุรกิจบริการสุขภาพมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาทต่อปี โดยมีแรงงานรวมกว่า 3.5 แสนคน และปัจจุบันตกงานกว่า 80% หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจนี้โดยตรง ทำให้หากรัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือ อาจส่งผลให้ธุรกิจนี้ต้องประสบปัญหาและหนีไม่พ้นการปิดกิจการเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน

“ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้สภาพคล่องของธุรกิจหายไป โดยขณะนี้เริ่มเห็นว่ามีนักลงทุนจากต่างประเทศหลายราย ได้เข้ามาหาช่องทางซื้อกิจการในประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจสปาและธุรกิจโรงแรม ที่มีกลุ่มนักลงทุนจีนหลายรายหาช่องทางเข้ามาซื้อกิจการของไทยที่ประสบปัญหาด้านรายได้ หรือมีสายป่านทางธุรกิจที่ไม่ยาวมากพอ และอาจขยายไปยังธุรกิจอื่นๆ ในภาคการท่องเที่ยวด้วย เพราะความจริงก็เห็นสัญญาณความต้องการมาก่อนหน้านี้ เนื่องจากคนจีนสนใจธุรกิจสปาไทยค่อนข้างมาก เพราะเป็นที่ต้องการใช้บริการของตลาดต่างชาติ ส่วนธุรกิจโรงแรม ก็มีนักลงทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาลงทุนเก็บเกี่ยวธุรกิจโรงแรมในประเทศไทย เปลี่ยนมือเจ้าของกิจการไป เพราะเงินทุนหนากว่า ซึ่งหากธุกิจไทยถูกเปลี่ยนมือไปเป็นของต่างชาติในสัดส่วนที่สูง เท่ากับความผลกระทบจะมีความน่ากลัวมากขึ้น” นายกรดกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image