| ผู้เขียน | วิณัฐฏาภรณ์ ศิริโสม |
|---|
จอดป้ายประชาชื่น : การ์ดนางฟ้าภาคท่องเที่ยว
“ไทยแลนด์ พริวิเลจ การ์ด” ผู้ดำเนินงานโครงการบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ หรือ “บัตรอิลีตการ์ด” ถือเป็นหน่วยงานในภาคการท่องเที่ยว มีหน้าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติกระเป๋าหนักใช้จ่ายและลงทุนต่างๆ ในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่ยังไม่เปิดน่านฟ้า ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา รายได้หลักในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวหายไป
อิลีตการ์ดจึงจำเป็นต้องงัดกลวิธีดึงดูดต่างชาติกระเป๋าหนักเข้ามาใช้เงินในประเทศ โดยเฉพาะการเปิดตัวบัตรอิลีตการ์ดใหม่ๆ เพื่อดึงดูดใจต่างชาติทั่วโลก
ล่าสุด มีโครงการ Elite Flexible Plus เปิดให้ต่างชาติที่ซื้อบัตรอิลีตการ์ด มูลค่า 1 ล้านบาทขึ้นไป หากนำเงินเข้าลงทุนในไทย 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 1 ปี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์, เปิดบริษัท, ลงทุนในตลาดทุน ซื้อหุ้นกู้ ฝากเงินกับสถาบันการเงินในไทย จะลงทุนเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือกระจายการลงทุนก็ได้ ซึ่งโครงการจะประสานทำเรื่องขอ Work Permit ทำงานในไทย อายุ 2 ปีตั้งเป้าขายบัตรอิลีตการ์ดในโครงการนี้ 1,000 คน (ใบ) เพื่อให้เกิดการลงทุนในไทยราว 3 หมื่นล้านบาท
สิทธิพิเศษของบัตรต่างๆ ที่เพิ่มให้ดึงดูดใจให้ชาวต่างชาติลงทุนซื้อบัตรในราคาต่างๆ เริ่มต้นตั้งแต่ 5 แสน ถึง 2 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง อาทิ สิทธิพิเศษสำหรับการเข้าเมือง การบริการที่สนามบินด้วยรถลิมูซีนสุดหรู สถานที่พักผ่อนต่างๆ สนามกอล์ฟ สปา โรงแรมรีสอร์ต ร้านอาหาร โรงพยาบาล
บัตรลักษณะนี้มีเพียงประเทศสิงคโปร์เท่านั้นที่ออกบัตรลักษณะเดียวกันเพื่อดึงดูดการลงทุน และมีสิทธิพิเศษขั้นสุดคือ ลงทุนซื้อที่ดินได้ แต่ในไทยไม่อนุญาต เพื่อป้องกันข้อครหาที่ว่าขายแผ่นดิน
แต่ที่ผ่านมาภาพลักษณ์ของบัตรอิลีตการ์ดยังเป็นการเชื้อเชิญและมอบสิทธิพิเศษให้กับชาวต่างชาติกระเป๋าหนักอยู่ดี สวนทางกับความเป็นอยู่ของคนไทยในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มฐานรากที่คุณภาพชีวิตยังไม่ดีขึ้นนัก
เพราะการดึงต่างชาติใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจไทย แม้จำเป็น แต่ควรควบคู่กับการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำและการตั้งคำถามถึงการใช้ชีวิตของพลเมืองเจ้าของประเทศ และต่างชาติที่เข้ามา
