ปี 63 อีวีวิ่งบนถนนพุ่ง2,000คัน จับตาชิปขาดรถยนต์โลกป่วน

ปี 63 อีวีวิ่งบนถนนพุ่ง2,000คัน จับตาชิปขาดรถยนต์โลกป่วน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คาดว่าระหว่างปี 2564-66 มีแนวโน้มที่ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)จะเติบโตแบบก้าวกระโดด จาก 3 ปัจจัยหลักได้แก่ 1.รถยนต์มีให้เลือกมากขึ้นและราคาถูกลง 2.สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น 3.รัฐสนับสนุน สอดรับกับทิศทางของยานยนต์โลก และย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมายานยนต์ไฟฟ้ารถนั่งไม่เกิน 7 คนในปี 2561 มียอดขายแค่600 คัน ปี 2562 อยู่ที่ 802 คันและปี 2563 มียอดขายเพิ่มเป็น 2,079 คัน ส่วนปี 2564 เชื่อว่าจะมีอัตรการเติบโตต่อเนื่องจากการส่งเสริมของรัฐบาล อย่างไรก็ตามแม้อีวีจะมาแรงแต่ปริมาณยังน้อยเมื่อเทียบกับยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันในไทย ที่ผ่านมาผู้ใช้อีวีจึงเป็นกลุ่มคนมีฐานะเพราะชอบเทคโนโลยี แต่คาดว่าอนาคตราคาจะถูกลง โดยปี 2563 การผลิตอีวีของไทยอยู่ที่ 1,277 คัน

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะที่สิ่งที่อุตสาหกรรมรถยนต์กังวลคือ ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ หรือ ชิป ขณะนี้ทำให้ค่ายอุตสาหกรรมยานยนต์ในสหรัฐหลายแห่งลดกำลังการผลิตลงบ้างแล้วจึงต้องติดตามว่าจะกระทบภาพรวมมากน้อยเพียงใดเพราะถือว่าปัญหาดังกล่าวลามไปค่อนข้างเร็วกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากช่วงโควิด-19 ทำให้ความต้องการชิปภาคของกลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์มีมากขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของคอมพิวเตอร์เพื่อรองรับการทำงานที่บ้าน แต่พอค่ายรถเริ่มฟื้นตัวความต้องการกลับมาจึงทำให้เกิดปัญหาขาดแคลน คงจะต้องติดตามใกล้ชิดในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันการส่งออกชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ของไทยเองก็ยังคงประสบปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และพบว่าค่าระวางเรือสูงขึ้นมากในขณะนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image