วาเลนไทน์ส่อหงอย ม.หอการค้า คาดเงินสะพัดลดลงติดลบกว่า 21.15%
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงทัศนคติ พฤติกรรมและการใช้จ่าย ช่วงวันวาเลนไทน์ ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง ช่วงอายุ 15-59 ปี จำนวน 1,234 ตัวอย่าง ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 27 มกราคม- 6 กุมภาพันธ์ 2564 คาดว่าเงินสะพัดในช่วงวันวาเลนไทม์ปี 2564 ลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 มูลค่าการใช้จ่ายรวมประมาณ 2,560 ล้านบาท หรือลดลงติดลบ 21.15% เฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 1,306 บาท/คน โดยสาเหตุที่การใช้จ่ายลดลง ได้แก่ ประชาชนมองว่าเศรษฐกิจไม่ดี 29.1% รายได้ลดลง 25.2% รา คาของขวัญแพงขึ้น 20.5% กลัวโควิด-19 16.6% และเป็นหนี้เพิ่มขึ้น 8.6%
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ส่วนเหตุผลที่การใช้จ่ายมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ราคาของขวัญ/สินค้าแพงขึ้น 65.9% เป็นช่วงเทศกาล 22% และเพื่อความสุขของคนที่รัก 12.1% ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับบรรยากาศในวันเลนไทน์ในปี 2564 เมื่อเทียบกับปี 2563 คึกคักน้อยลงกว่า 46% จากปัญหาเศรษฐกิจที่แย่ลง ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย รายได้ลดลง ราคาสินค้าแพงขึ้น และภัยธรรมชาติ ทำให้ปี 2564 ประชาชนเลือกไม่ออกไปฉลองวันวาเลนไทน์กว่า 57.1% ส่วนประชาชนที่ยังมีการฉลอง มี 42.9% ซึ่งจะออกไปฉลองกับคนรัก โดยออกไปฉลองที่ห้างสรรพสินค้า บ้านตนเอง และร้านอาหาร
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเฉพาะซื้อของสำหรับมอบให้กับคู่รักโดยเฉลี่ยในปี 2564 ประมาณ 966 บาท/คน ซึ่งลดลงจากปี 2563 ใช้จ่ายอยู่ที่ประมาณ 1,013 บาท/คน ส่วนปริมาณการซื้อสินค้าช่วงวันวาเลนไทน์ ดอกไม้ อาหาร และของขวัญยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่ ช็อกโกแลต และการ์ด มีการซื้อน้อยลงเฉลี่ย 47% ขณะที่ดอกไม้ที่ได้รับความนิยมยังเป็น ดอกกุหลาบ
นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ส่วนการฉลองวันวาเลนไทน์อย่างสร้างสรรค์ ส่วนใหญ่จะพากันไปให้ขนมเด็ก ทำอาหารทานกันในครอบครัว เลี้ยงฉลองอย่างประหยัด และชวนกันไปทำบุญ นอกจากนี้ เมื่อถามกลุ่มตัวอย่างถึงสิ่งที่ต้องการและสิ่งที่อยากให้จากคู่รักในวันวาเลนไทน์ อาทิ การบอกรัก ดอกไม้ ของขวัญ และพาไปเที่ยว หรือกินข้าว เป็นต้น ส่วนช่องทางการบอกรัก/อวยพรในวันวาเลนไทน์ ได้แก่ บอกต่อหน้า 78.8% โทรศัพท์ 10.9% ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต 4.8% คุยผ่านช่องทางออนไลน์ 4.8% และอื่นๆ 0.7%
