กสทช.จ่อสแกนลายนิ้วมือคู่บัตรปชช.ใช้ลงทะเบียนมือถือ สกัดมิจฉาชีพขโมยทำธุรกรรมการเงิน

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่สำนักงาน กสทช.ว่า จากกรณีเจ้าของรานค้าประดับยนต์แห่งหนึ่งถูกมิจฉาชีพปลอมข้อมูลเปลี่ยนซิมการ์ดมือถือ ก่อนจะโอนเงินเข้าบัญชีอื่น ทาง กสทช.ในฐานะที่เป็นผู้กำกับดูแลการใช้งานด้านโทรศัพท์จึงได้พูดคุยกับผู้เสียหาย บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เจ้าของค่ายมือถือ สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ทางสำนักงาน กสทช.จะทำหนังสือด่วนที่สุดแจ้งผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกแห่ง ที่เกี่ยวกับการติดต่อลงทะเบียนใช้บริการจะต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงประกอบเท่านั้น

นอกจากนี้มีแผนที่จะให้มีการสแกนลายนิ้วมือควบคู่กับการใช้บัตรประชาชน โดยทำเป็นทางเลือกให้กับประชาชนเพื่อรักษาข้อมูลในการทำธุรกรรม โดยจะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วไปว่าเห็นด้วยหรือไม่ คาดว่าจะเปิดให้ใช้การสแกนลายนิ้วมือได้ภายในปีนี้

นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ รองผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เบื้องต้นทรูได้เยียวยาผู้เสียหายโดยมอบโทรศัพท์ 1 เครื่อง แพคเกจการใช้งานโทรศัพท์ฟรี 1 ปี โดยจะใช้เลขหมายเดิมหรือเบอร์สวยที่ทรูจะมอบให้ก็ได้ สำหรับมาตรการหลังจากนี้ทรูจะเข้มงวดในการเปิดลงทะเบียนซิมใหม่มากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนซิมใหม่เบอร์เดิม และยืนยันว่าตามกติกาของบริษัทลูกค้าจะต้องแสดงบัตรประชาชนด้วยทุกครั้ง แต่กรณีที่เกิดขึ้นพนักงานหน้าร้านทรูที่ห้างสรรพสินค้าเมกะบางนา อาจจะพิจารณาจากดุลพินิจ ตามเครดิตลิมิตของลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างสูงที่สุด ซึ่งไม่คาดคิดว่าจะเกิดกรณีเช่นนี้ขึ้น

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมีจุดอ่อนอยู่ 2 จุด จุดแรก คือ บนบัตรประชาชนมีแถบบาร์โค้ดอยู่ ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่ทราบว่าบาร์โค้ดดังกล่าวสามารถสแกนเป็นเลข 13 หลักได้ แม้ว่าจะปิดเลขบัตรประชาชนบนบัตรไว้แล้ว จากการตรวจสอบของชมรมพบว่ามิจฉาชีพใช้แอพพลิเคชั่น “บาร์โค้ดสแกนเนอร์” สแกนเลขบัตรประชาชน ร่วมกับใช้ข้อมูลบนบัตรไปขอเปลี่ยนพาสเวิร์ดบนโมบายแบงก์กิ้ง และจุดที่ 2 คือ ช่องโหว่ของธนาคารที่ให้มีการเปลี่ยนพาสเวิร์ดผ่านทางคอลเซ็นเตอร์ได้ ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่ทำให้มิจฉาชีพสวมรอยได้

Advertisement

ด้านนายพันธุ์สุธี มีลือกิจ ผู้เสียหาย กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา โทรศัพท์ของตนโดนระงับการใช้งาน เมื่อสอบถามคอลเซ็นเตอร์ก็บอกว่ามีผู้มาขอเปิดซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม โดยใช้หลักฐานของตน หลังจากนั้นเวลา 15.00 น. มีการถอนเงินออกจากบัญชีประมาณ 3 ครั้ง ภายใน 12 ชม. จึงอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นอุทาหรณ์กับประชาชนทั่วไป และเห็นด้วยกับการที่จะให้มีการสแกนลายนิ้วมือควบคู่กับบัตรประชาชน

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image