ลุ้นปัดฝุ่น ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ลุยเฟส 3 อัดโปรแรงกระตุ้นเที่ยวไทยหลังกระจายวัคซีน

ลุ้นปัดฝุ่น ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ ลุยเฟส 3 อัดโปรแรงกระตุ้นเที่ยวไทยหลังกระจายวัคซีน

หลังจากประเทศไทยยังไร้วี่แววในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เหตุเพราะการระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศยังไม่สามารถคลายตัวได้ รวมถึงสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศต้นทางที่เป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักของไทย ยังพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่อย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าว อายุ 55 อัพ รับ 5 พัน ททท.ดัน ‘เที่ยวไทยวัยเก๋า’

แม้ความหวังจะมีมากขึ้นในส่วนของการเข้ามาของวัคซีนต้านเชื้อไวรัส แต่ระยะเวลาในการผลิต และกระจายฉีดให้กับพลเมืองแต่ละประเทศ ก็ถือเป็นข้อจำกัดที่สำคัญอยู่

ภาคการท่องเที่ยวไทยจึงต้องหันมาเน้นกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว และกระจายเม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ชดเชยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป

Advertisement

โดยรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มตั้งแต่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการกำลังใจ เปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ คือ เส้นทางคนโสด รวมถึงโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋า ที่ใกล้คลอดเต็มที แม้จะยังไม่สามารถออกมาได้ เพราะติดเงื่อนไขที่ต้องเจรจากันเพิ่มเติมก็ตาม

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลใช้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เป็นตัวช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ผ่านการให้สิทธิสนับสนุนค่าห้องพัก 40% ผู้ใช้สิทธิร่วมโครงการจ่ายเอง 60% ซึ่งจำนวนห้องพักในระยะแรกเต็ม 5 ล้านสิทธิที่ให้ไว้ และระยะ 2 เต็มไปอีก 1 ล้านสิทธิ

จึงมีแนวคิดที่จะขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หรือเป็นการเปิดเฟส 3 เพิ่มเติมไปสิ้นสุดเดือนกันยายน 2564 ซึ่งขณะนี้คาดว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อยู่ระหว่างรวบรวมงบประมาณที่เหลือจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน หลังจากที่ห้องพักในเฟสสองหมดไปแล้ว เพื่อดำเนินการต่อในเฟสที่สาม ถึงเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้ครอบคลุมถึงช่วงโลว์ซีซัน หรือ ฤดูฝน ที่การเดินทางอ่อนตัวลง

Advertisement

รวมทั้งพิจารณาเรื่องตั๋วเครื่องบิน ที่มีผู้ใช้สิทธิในสองเฟสที่ผ่านมาจำนวนน้อย จึงเหลืออยู่ถึง 1.3 ล้านสิทธิ จากที่ตระเวณคุยกับหลายสายการบินเห็นว่าการปรับเป็นการสนับสนุนผู้โดยสารซื้อตั๋วประเภทบุฟเฟต์ หรือ อันลิมิเต็ด พาส ในอัตราคนละ 2,000 บาท และเป็นซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการสนับสนุนตั๋วเครื่องบินต่อใบในปัจจุบัน และเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่า เพราะนักท่องเที่ยวสามารถซื้อไว้ล่วงหน้า เพื่อเดินทางทีหลัง สามารถใช้เดินทางได้หลายครั้ง ทำให้สามารถบริหารจัดการยืดหยุ่นตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสได้

โดยการขยายโครงการครั้งใหม่ จะมุ่งลบจุดบอดเรื่องการใช้สิทธิตั๋วเครื่องบิน ที่พบว่ามียอดการใช้ต่ำมากเมื่อเทียบกับห้องพัก ขณะที่การปรับมาสนับสนุนตั๋วเครื่องบินแบบบุฟเฟต์ ยังเป็นการเพิ่มความถี่ของการเดินทงในประเทศด้วย เนื่องจากเมื่อผู้โดยสารซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว จะมีแรงจูงใจในการวางแผนเดินทางให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปด้วย

นอกจากนั้น ยังมีความเป็นไปได้ที่จะลดราคาเพดานห้องพักต่อห้องจาก 7,500 บาทมาเป็น 2,700 บาท หลังพบว่าผู้ใช้สิทธิในสองเฟสแรก ใช้ห้องพักในราคาเฉลี่ยไม่เกิน 2,700 บาทเท่านั้น การลดเพดานดังกล่าว จะทำให้สามารถใช้งบประมาณไปเพิ่มให้กับจำนวนห้องพักมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนว่าอาจจะเป็น 1 หรือ 2 ล้านห้องขึ้นไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image