นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์(พณ.)เปิดเผยว่า กรมจัดเวทีระดมสมอง เปิดข้อมูลการศึกษาประโยชน์และผลกระทบของกฎถิ่นกำเนิดสินค้าในรูปแบบต่างๆ ช่วงวันที่ 2-11 มีนาคม 2564 ณ โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร กรุงเทพฯ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการกำหนดท่าทีของไทยในการเจรจาเพื่อปรับปรุงเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่แล้ว 13 ฉบับ และที่มีแผนจะจัดทำในอนาคตกับสหภาพยุโรป กลุ่มสมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) และตุรกี ผู้สนใจสามารถรับชมและแสดงความเห็นผ่านทาง Facebook ของกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
นางอรมน กล่าวว่า ประเทศที่เจรจาจัดทำเอฟทีเอร่วมกันจะต้องตกลงในรายละเอียดและรูปแบบของการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า ซึ่งปัจจุบันรูปแบบการผลิตสินค้าในโลกเปลี่ยนแปลงไป กระบวนการผลิตมีความซับซ้อนขึ้น มีการเชื่อมโยงในห่วงโซ่การผลิตระหว่างกันมากขึ้น ผู้ผลิตสินค้ามีทางเลือกในการนำวัตถุดิบจากหลากหลายแหล่งมาใช้ในกระบวนการผลิต ซึ่งจะขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาและคุณภาพของวัตถุดิบ แหล่งวัตถุดิบ ความสะดวกรวดเร็วในการขนส่งและได้รับสินค้า เป็นต้น
ส่งผลให้ในการเจรจาจัดทำเอฟทีเอรุ่นใหม่ๆ ในส่วนที่เกี่ยวกับการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้า มีการกำหนดกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่หลากหลายมากขึ้น แตกต่างกันไปตามชนิด และประเภทของสินค้า ที่คู่เจรจาเอฟทีเอตกลงกันไว้ เช่น บางสินค้าใช้เกณฑ์สัดส่วนการสะสมมูลค่าของวัตถุดิบ บางสินค้าใช้เกณฑ์การเปลี่ยนพิกัดอัตราศุลกากร บางสินค้าใช้เกณฑ์มูลค่าการผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศภาคีเอฟทีเอ และบางกรณีเปิดโอกาสให้นำมูลค่าของวัตถุดิบ หรือ การผลิตที่เกิดขึ้น นอกภาคีเอฟทีเอ มาประกอบการสะสมมูลค่าได้ด้วย เป็นต้น
“กรมจึงได้ศึกษาประโยชน์และผลกระทบของการสะสมถิ่นกำเนิดสินค้ารูปแบบต่างๆ ต่อการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้เอฟทีเอของไทย และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกลุ่มสินค้าต่างๆ มีโอกาสร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปประกอบในผลการศึกษาต่อไป ” นางอรมน กล่าว